‘Discovery HUBBA’ ชุมชนปั้นสตาร์ตอัพกลางกรุง
สยามพิวรรธน์ผนึกฮับบ้าเปิด “Discovery HUBBA” Co-working Space ชุมชนนวัตกรรมแห่งใหม่ใจกลางเมือง เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนไอเดียและความฝันเริ่มต้นธุรกิจสู่แหล่งปั้นนักธุรกิจดิจิตอลและสตาร์ตอัพ
“Discovery HUBBA”เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท ฮับบ้า จำกัด กับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด สร้างพื้นที่ Co-working Space สำหรับสตาร์ตอัพหรือกลุ่มผู้ที่สนใจในธุรกิจดิจิตอลด้วยการสร้างเป็นชุมชน (Community)เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สร้างเครือข่ายแก่สตาร์ตอัพรุ่นใหม่สู่ธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทย ด้วยค่าเช่าที่ต่ำกว่าอาคารสำนักงานทั่วไปถึง 60%
นายอมฤต เจริญพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮับบ้า จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันวิธีการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปส่วนมากมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนมากเป็นธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร และไม่ประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเทรนด์คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจธุรกิจดิจิตอลมากขึ้น ตามกระแสอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เริ่มมีการพัฒนาแอพพลิเคชันต่างๆขึ้นมาทั่วโลกให้ได้ใช้งาน
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คนรุ่นใหม่เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจดิจิตอลในไทย แต่อุปสรรคสำคัญของในการทำงานสตาร์ตอัพ แม้จะมีเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆเข้ามารองรับแต่ยังมีเรื่องของสถานที่ทำงานแหล่งที่รวมตัวกันของผู้ที่สนในการทำธุรกิจดิจิตอลถึงมีแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าสูง และกลายมาเป็นปัญหาเรื่องของเงิน ขณะที่ในต่างประเทศมีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ หรือจากสภาบันการเงิน
ด้วยเหตุนี้เกิดเป็น HUBBA Co-working Spaceเป้าหมายคือการเปิดเป็นชุมชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ในการทำงาน หาไอเดีย และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ที่สนใจในธุรกิจสตาร์ตอัพเข้ามาใช้บริการ 200-300 คนต่อเดือน และผู้ที่ประกอบธุรกิจสตาร์ตอัพที่สนใจเข้าร่วมอบรมสัมมนาหาความรู้ จากเครือข่ายสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จมาแล้วไม่ว่าจะเป็น ต็อบ-เถ้าแก่น้อย,วงใน (Wongnai) รวม 40-50 คนต่อครั้ง
[caption id="attachment_136768" align="aligncenter" width="503"]
อมฤต เจริญพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮับบ้า จำกัด[/caption]
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทยังมีแผนในการนำสตาร์ตอัพที่เหมาะสมกับธุรกิจค้าปลีกเข้ามาแสดงผลงานแลกเปลี่ยนกับทางศูนย์การค้าสยาม ดิสคัพเวอรี่ในอนาคต ขณะที่แผนงานต่อไปของ Discovery HUBBA จะขยายเฟสที่ 2 ในสยามดิสคัฟเวอรี่ ให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมแสดงผลงานสำหรับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่อีกด้วย เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงานของฝ่ายบริหารสยามฯ
“สิ่งที่ขาดในเมืองไทยคือชุมชนของนักลงทุนที่สนใจในเรื่องเหล่านี้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ผู้ประกอบการมองว่าอยากลงทุนกับคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนหรือหาไอเดียซัพพอร์ตที่จะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ก็เปรียบเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า นั่นคือสิ่งที่เรากับสยาม ดิสคัพเวอรี่ร่วมกันทำ”
สำหรับผู้ที่สนใจในธุรกิจดิจิตอลยุคใหม่รวมไปถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่มีไอเดีย อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองต้องการเข้าร่วมชุมชนแห่งนี้เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการทำงานแลกเปลี่ยนข้อมูลก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ทันที โดยมีแพ็คเกจการให้บริการตั้งแต่ 1 วันราคา 299 บาท, ราคา 1,249 บาท สำหรับ 5 วัน, ราคา 2,990 สำหรับ 30 วัน และ 29,990 บาท สำหรับ 365 วัน
5 ปีที่ผ่านมา “HUBBA- Co-Working Space”เปิดให้บริการไปแล้ว 3 สาขา ด้วยจุดเด่นเรื่องราคาค่าบริการที่ต่ำกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานอาคารทั่วไป 60% รายได้มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากการให้บริการสมาชิก 50% และรายได้จากการจัดกิจกรรม 50% เป้าหมายระยะยาวคือการก้าวเป็นผู้นำตลาด Co-Working ทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,247 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2560
“Discovery HUBBA”เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท ฮับบ้า จำกัด กับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด สร้างพื้นที่ Co-working Space สำหรับสตาร์ตอัพหรือกลุ่มผู้ที่สนใจในธุรกิจดิจิตอลด้วยการสร้างเป็นชุมชน (Community)เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สร้างเครือข่ายแก่สตาร์ตอัพรุ่นใหม่สู่ธุรกิจค้าปลีกในเมืองไทย ด้วยค่าเช่าที่ต่ำกว่าอาคารสำนักงานทั่วไปถึง 60%
นายอมฤต เจริญพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮับบ้า จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันวิธีการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปส่วนมากมีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนมากเป็นธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร และไม่ประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ แต่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเทรนด์คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจธุรกิจดิจิตอลมากขึ้น ตามกระแสอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เริ่มมีการพัฒนาแอพพลิเคชันต่างๆขึ้นมาทั่วโลกให้ได้ใช้งาน
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คนรุ่นใหม่เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจดิจิตอลในไทย แต่อุปสรรคสำคัญของในการทำงานสตาร์ตอัพ แม้จะมีเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆเข้ามารองรับแต่ยังมีเรื่องของสถานที่ทำงานแหล่งที่รวมตัวกันของผู้ที่สนในการทำธุรกิจดิจิตอลถึงมีแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าสูง และกลายมาเป็นปัญหาเรื่องของเงิน ขณะที่ในต่างประเทศมีการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ หรือจากสภาบันการเงิน
ด้วยเหตุนี้เกิดเป็น HUBBA Co-working Spaceเป้าหมายคือการเปิดเป็นชุมชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ในการทำงาน หาไอเดีย และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ที่สนใจในธุรกิจสตาร์ตอัพเข้ามาใช้บริการ 200-300 คนต่อเดือน และผู้ที่ประกอบธุรกิจสตาร์ตอัพที่สนใจเข้าร่วมอบรมสัมมนาหาความรู้ จากเครือข่ายสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จมาแล้วไม่ว่าจะเป็น ต็อบ-เถ้าแก่น้อย,วงใน (Wongnai) รวม 40-50 คนต่อครั้ง
[caption id="attachment_136768" align="aligncenter" width="503"]
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทยังมีแผนในการนำสตาร์ตอัพที่เหมาะสมกับธุรกิจค้าปลีกเข้ามาแสดงผลงานแลกเปลี่ยนกับทางศูนย์การค้าสยาม ดิสคัพเวอรี่ในอนาคต ขณะที่แผนงานต่อไปของ Discovery HUBBA จะขยายเฟสที่ 2 ในสยามดิสคัฟเวอรี่ ให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมแสดงผลงานสำหรับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่อีกด้วย เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงานของฝ่ายบริหารสยามฯ
“สิ่งที่ขาดในเมืองไทยคือชุมชนของนักลงทุนที่สนใจในเรื่องเหล่านี้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ผู้ประกอบการมองว่าอยากลงทุนกับคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนหรือหาไอเดียซัพพอร์ตที่จะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ก็เปรียบเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า นั่นคือสิ่งที่เรากับสยาม ดิสคัพเวอรี่ร่วมกันทำ”
สำหรับผู้ที่สนใจในธุรกิจดิจิตอลยุคใหม่รวมไปถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่มีไอเดีย อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองต้องการเข้าร่วมชุมชนแห่งนี้เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการทำงานแลกเปลี่ยนข้อมูลก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ทันที โดยมีแพ็คเกจการให้บริการตั้งแต่ 1 วันราคา 299 บาท, ราคา 1,249 บาท สำหรับ 5 วัน, ราคา 2,990 สำหรับ 30 วัน และ 29,990 บาท สำหรับ 365 วัน
5 ปีที่ผ่านมา “HUBBA- Co-Working Space”เปิดให้บริการไปแล้ว 3 สาขา ด้วยจุดเด่นเรื่องราคาค่าบริการที่ต่ำกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานอาคารทั่วไป 60% รายได้มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากการให้บริการสมาชิก 50% และรายได้จากการจัดกิจกรรม 50% เป้าหมายระยะยาวคือการก้าวเป็นผู้นำตลาด Co-Working ทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,247 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2560