พิษรีดเพิ่ม"ภาษี" "เหล้า-บุหรี่" เถื่อน ทะลักเข้าไทย เข้มสกัดทุกด่าน!

27 มี.ค. 2560 | 05:00 น.
หลังกรมสรรพสามิตประกาศปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และบุหรี่ในประเทศใหม่ ทำให้ราคาในประเทศสูงขึ้น ส่งผลให้ตามด่านชายแดนต่างๆ จะมีเหล้า- บุหรี่เถื่อนทะลักเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้มีผู้ค้ารายย่อยนำเหล้านอกเข้ามาวางจำหน่ายแบบไม่ถูกกฏหมายหรือไม่ติดอากรแสตมป์ ที่เรียกว่าเหล้าเถื่อนตามตะเข็บชายแดนจำนวนมาก ทั้งภาคใต้ ภาคเหนือและตะวันออก และพบว่ามีผู้ซื้อมากขึ้นตามไปด้วย เพราะเชื่อว่าเป็นเหล้าแท้และมีราคาถูกกว่ามาก โดยเฉพาะหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทำให้เหล้ามีราคาแพงขึ้น โดยเหล้านอกที่นำมาขายมีทั้งจอน์หนี่ วอลเกอร์ แบล็คเลเบิล , เรด เลเบิล ฯลฯ ทั้งขนาดลิตรและขนาดปกติ ซึ่งมีราคาถูกกว่าเหล้าที่วางจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายราว 20-30%

"ปกติเหล้านอกที่นำเข้าแบบไม่เสียภาษีขายตามด่านต่างๆ หรือในดิวตี้ฟรีอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้อาจจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เพราะเมื่อมีข่าวว่าคลังจะปรับภาษีเหล้าใหม่ ทำให้ราคาสูงขึ้น นักดื่มเลือกที่จะซื้อเหล้าที่ถูกกว่า โดยไม่ดูว่าเป็นเหล้าปลอม เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังเลือกที่ราคาเป็นหลัก ทำให้ช่วงนี้ตามด่านต่างๆ ขายดีเป็นพิเศษ รวมถึงในดิวตี้ฟรีด้วย"

สอดคล้องกับนางศิริพรรณ วิสุทธิพรผล นายด่านศุลกากรแม่สาย จังหวัดเชียงราย เผยว่าได้บูรณาการการตรวจค้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำด่านพรมแดน ร่วมกันการตรวจตราสัมภาระนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ข้ามไปมาหาสู่กัน รวมทั้งสิ่งของในรถที่เข้าประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในประเทศโดยไม่เสียภาษี ส่วนตามช่องทางธรรมชาติต่างๆ ซึ่งมีเพียงแม่น้ำสายกั้นอยู่แคบๆ นั้นได้ประสานกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ตำรวจสภ.แม่สาย ให้เพิ่มความถี่ในการออกลาดตระเวณ เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่อย่างผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน

"การปรับขึ้นภาษีจะเป็นช่องให้มีการลักลอบนำเข้ามาไม่ถูกต้อง แม้ว่าทางชายแดนแม่สายจะยังไม่พบ แต่ก็ได้สั่งการให้มีการตรวจค้นอย่างเข้มงวด ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวก็ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยนักท่องเที่ยว 1 คนนำบุหรี่เข้ามาได้ไม่เกิน 200 มวน หรือ 1 ค๊อตตอนส่วนสุราไม่เกิน 1 ลิตร หรือ 2 ขวดถ้าหากเกินจากที่กำหนด เมื่อถูกจับและเสียค่าปรับในอัตราสูงมาก สูงหลายร้อยเท่า" นางศิริพรรณ กล่าว

เช่นเดียวกับอีก 2 ด่านในจังหวัดเชียงรายคือ ด่านศุลกากรเชียงแสน และ ด่านศุลกากรเชียงของ ก็มีการบูรณาการกับหน่วยงาน ทหาร –ตำรวจ –ตม.ที่เกี่ยวข้อง ตรวจตรา-ลาดตระเวน เพื่อป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่และสุราต่างประเทศ ที่ไม่ได้ชำระภาษี เข้ามาในประเทศด้วยเช่นกัน

ด้านนายไชยา ชนะสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมและตรวจสอบ ด่านศุลกากร จ.สตูล กล่าวว่า การปรับขึ้นเพดานภาษีเหล้าบุหรี่ น่าจะทำให้ผู้ค้าลับลอบนำเข้าสุราต่างประเทศหนีภาษีกันมากขึ้น แต่ตอนนี้ทหาร ตำรวจ คุมเข้มที่ชายแดน ผู้ลักลอบจึงยังไม่กล้านำเข้ามา โดยพยายามดูท่าทีเจ้าหน้าที่อยู่ ตอนนี้จึงยังไม่มีรายงานการลักลอบนำเข้าสุราและบุหรี่ต่างประเทศเลี่ยงภาษีเข้ามาในประเทศ

จากการสำรวจของ"ฐานเศรษฐกิจ"พบว่า ที่ผ่านมา พื้นที่หาดใหญ่-สงขลา มีการลักลอบนำเข้าสุราต่างประเทศเป็นประจำอยู่แล้วผ่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านอำเภอสะเดา และปาดังเบซาร์

ฟากนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ขณะนี้กรมได้หารือกับสำนักงานพัฒนาระบบราชการ(กพ.) เพื่อเตรียมแผนจัดตั้งสำนักงานงานวิเคราะห์ราคาสินค้า ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมฯ โดยหน่วยงานนี้จะเข้ามารองรับการทำงานตามกฎหมายใหม่โดยเฉพาะซึ่งจะสำรวจราคาขายปลีกแนะนำ สำหรับสินค้าที่ภายใต้การกำกับของกรมสรรพสามิต ในกลุ่ม สุรา ยาสูบ และไพ่

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการดำเนินการที่ต้องใช้เวลานาน โดยระยะสั้นได้ตั้งกลุ่มงานวิเคราะห์ราคาสินค้า โดยมอบหมายให้นายสมเดช ศรีสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต และนางสาวสุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต เป็นผู้รับผิดชอบเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ โดยราคาดังกล่าวจะใช้กำหนดเป็นฐานคำนวณภาษี พร้อมประสานกับ สถาบัน วิจัยนโยบายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง เข้ามาร่วมวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับหลักวิชาการและสภาพตลาดโดยการลงสำรวจนั้นจะเน้นไปที่ห้างค้าปลีกที่กระจายตัวอยู่ทั่วไป

"กรมจะใช้กำหนดเป็นราคาอ้างอิงแนะนำแต่ยืนยันไม่กระทบธุรกิจจนเกินไป และขณะนี้ยังไม่พบการกักตนุ สินค้าแม้จะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าไปล่วงหน้าแต่เนื่องจากกฎหมายของกรมสรรพสามิตไม่มีอำนาจเกี่ยวกับการดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้าดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแล"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,247 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2560