ปลดล็อกกองทุนLTFอนุพันธ์ นักลงทุนขายคืนได้หมด แนะขยับไปกองทุนอื่นเพิ่มกำไร

27 มี.ค. 2560 | 14:00 น.
ผู้ถือหน่วยลงทุน 3 กองทุน LTF อนุพันธ์ ยังไม่ขยับเงินลงทุนออก แม้ครบเงื่อนไขขายคืนได้ “บลจ.กสิกรไทยฯ” แนะโยกลงทุนกองทุนอื่น โอกาสเพิ่มผลตอบแทนดีกว่าคงเงินไว้

นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทยฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรืออนุพันธ์ สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้หมดแล้ว เนื่องจากครบเงื่อนไขเดิมให้ถือครอง 5 ปีปฏิทิน ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกเกณฑ์ใหม่ห้ามบลจ.ขายหน่วยลงทุนเพิ่มในกองทุนที่ลงทุนอนุพันธ์จนอัตราส่วนการลงทุนในหุ้นต่ำกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์2555 ดังนั้นหากเข้าลงทุนในปี 2555 ก็ขายคืนได้หมดตั้งแต่ปี 2559

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้แจ้งไปยังผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเค สตราทีจิค ดีเฟ็นซีฟหุ้นระยะยาวปันผล (KSDLTF) ซึ่งลงทุนในอนุพันธ์ ให้พิจารณาทางเลือกในการลงทุนกองทุนอื่นเพิ่ม เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทน หากนักลงทุนมีความเข้าใจในการลงทุนหุ้นเพิ่มขึ้นสามารถขยับไปลงทุนในกองทุนอื่นได้หรืออาจลงทุนในกองทุน LTF ที่มีนโยบายลงทุนเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่ากองทุนนี้และเงินลงทุนดังกล่าวนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้นๆ ได้

สำหรับกองทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มกว่ากอง KSDLTF แต่ไม่ได้เสี่ยงสูงสุดเมื่อเทียบกับกองทุน LTF อื่นๆ เช่น กองทุนเปิดเค70:30 หุ้นระยะยาวปันผล ลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ที่เหลือลงทุนตราสารหนี้หรือกองทุนเปิดเค มินิมั่ม โวลาติลิตี้หุ้นระยะยาว ลงทุนในหุ้นใช้กลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ความผันผวนต่ำที่สุด

“ที่ผ่านมาเริ่มมีนักลงทุนโยกเงินออกจากกองทุนดังกล่าวไปยังกองทุนอื่นบ้างแล้ว แต่บางคนอาจยังไม่ได้ดูข้อมูล ดังนั้นบริษัทจึงสื่อสารไปยังผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายเมื่อมีโอกาส โดยเฉพาะในช่วงที่กองทุนมีการจ่ายเงินปันผล เพื่อให้เงินลงทุนไม่เสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่ม” นางสาวยุพาวดี กล่าว

อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนไม่ต้องการขยับออกกองทุนก็ยังคงสภาพต่อไปจนกว่าจะเข้าเกณฑ์สามารถปิดกองทุนได้ โดยมีจำนวนผู้ถือหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 35 รายในวันทำการใดหรือมูลค่าหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 50 ล้านบาทในวันทำการใดและบลจ.ประสงค์จะเลิกกองทุน เป็นต้น

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน บริษัทมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนLTF ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือตราสารอนุพันธ์ มีจำนวน 3 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์รวม 1,861.73 ล้านบาท ณ วันที่ 28 ก.พ.2560 โดยต้องยอมรับว่านักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนดังกล่าวต้องการแค่สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ แต่รับความเสี่ยงของหุ้นไม่ได้ บลจ.จึงออกแบบกองทุนดังกล่าวขึ้นมา แต่ในที่สุดทางการมองว่าไม่ตรงวัตถุประสงค์จึงห้ามบลจ.ขายหน่วยลงทุนเพิ่ม แต่คนที่ถืออยู่แล้วถือต่อไปได้

สำหรับผลตอบแทนของ 3 กองทุนถือว่าน้อยมาก เนื่องจากใช้อนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากราคาหุ้น ดังนั้นผลตอบแทนจึงขึ้นอยู่กับการลงทุนอนุพันธ์ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 กองทุน KSDLTF มีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 0.59% ต่อปี และย้อนหลังตั้งแต่ตั้งกองทุนเฉลี่ยติดลบ 0.36% ต่อปี โดยไม่มีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์แล้ว

ส่วนกองทุน SCBLTS ย้อนหลัง 5ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 2.24% ต่อปีและตั้งแต่ตั้งกองทุนเฉลี่ยอยู่ที่2.53% ต่อปี โดยลงทุนในตราสารอนุพันธ์ในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพอร์ต ขณะที่กองทุน 1SMART-LTF ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยติดลบ 0.09%และตั้งแต่ตั้งกองทุนเฉลี่ย 0.71% ต่อปีโดยไม่ได้ลงทุนในตราสารอนุพันธ์แล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,247 วันที่ 26 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2560