ละลายเงินหลวง! "ตลาดข้าวสาร"

23 มี.ค. 2560 | 08:01 น.
ละลายเงินหลวง! "ตลาดข้าวสาร" โดย...ทิฆัมพร ศรีจันทร์

กระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกับผู้บริหารบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเซนจ์ หรือ ตลาดไท ลงพื้นที่ สำรวจพื้นที่จัดตั้งตลาดกลางข้าวสาร บอกว่าโครงการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ชาวนามีพื้นที่ในการขายข้าวสู่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยตลาดกลางจะทำหน้าที่รวบรวมและเป็นพื้นที่จำหน่ายข้าวสาร คาดว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และช่วยดึงราคาข้าวให้สูงขึ้นได้ ทั้งนี้ยังมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวระดับอาเซียน

ทั้งนี้บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเซนจ์ หรือ ตลาดไท ได้เสนอพื้นที่ 40 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็นตลาดกลางข้าวสาร คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ โดยผู้ประกอบการพร้อมสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ผลักดันให้ สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน โรงสีและผู้ส่งออก สามารถจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารได้

กระทรวงพาณิชย์เขามีดำริมาอย่างนี้ แว่วว่าโครงการนี้จะใช้เงินไม่น้อยกว่า 3 พันล้านบาท ผมดีใจที่คนกระทรวงพาณิชย์มีความคิดและพยายามหาทางช่วยชาวนาขายข้าว ถ้าได้ราคาดีก็จะเป็นผลพวงเป็นประโยชน์กับรากฐานทางเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อให้มีเงินมหุนเวียนเพราะชาวนากลุ่มคนรายได้น้อยเขาได้เงินมาเขาก็ใช้จ่าย แต่ผมคิดว่ากระทรวงพาณิชย์กำลังตีโจทย์ผิดอย่างมหันต์ ในการตั้งตลาดกลางข้าวสาร ผมไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่ว่ามาเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันเพียงพอหรือไม่

ผมพยายามอ่านตรรกะของกระทรวงพาณิชย์ในการตั้งตลาดกลางข้าวสาร อันเนื่องมาจากเห็นว่าตลาดที่มีอยู่ไม่มีการแช่งขันกันอย่างเพียงพอใช่หรือไม่ พ่อค้าผู้ส่งออกฮั้วกันกำหนดราคาใช่หรือไม่ กระทรวงพาณิชย์พยายามตัดตอนพ่อค้าคนกลางออกไปใช่หรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะสร้างราคากลางข้าวสารอ้างอิงใช่หรือไม่

ถ้าคิดตามตรรกะที่ว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสียเงินหลวงไป 2-3 พันล้านในการตั้งตลาดกลางข้าวสาร ละลายเงินโดยใช่เหตุ ต้องเข้าใจก่อนว่าที่ชาวนาเขาต้องการตลาด ไม่ใช่ตลาดที่เป็นสถานที่และมีคนหลากหลายมารวมกัน ถามว่าชาวนาในจ.ร้อยเอ็ด มีที่นา 10 ไร่ต้องการขายเองขายตรง ต้องสีแล้วขนมาขายที่ตลาดไทริมกรุงเทพฯหรือไม่

ที่กระทรวงพาณิชย์ต้องทำ ควรทำคือพัฒนาตลาดออนไลน์ (ก่อนหน้านี้มีคนพูดว่าต้องจดทะเบียนนู่นนี่นั่น)ขึ้นมารองรับชาวนาสีข้าวขายเองคราวละตัน 2ตันต่อครัว เข้าไปช่วยเรื่องการสีให้เขา ช่วยเรื่องแพคเกจจิ้งให้เขา และอำนวยความสะดวกในการขนส่งให้เขา ต้องลงให้ถึงพื้นที่

ถ้าชาวนาคนใดต้องการขายข้าวเปลือกก็ต้องลงไปสนับสนุนตั้งในระดับตำบล อำเภอ เพื่อให้เขาขนมาขายได้สะดวกไม่ถูกกดราคาให้เกิดการแข่งขันรับซื้อข้าวในพื้นที่

ส่วนเรื่องการกำหนดราคาหรือฮั้วกันของผู้ส่งออก (ถ้าท่านเห็นว่าฮั้ว)ส่วนผมคิดว่าไม่ถึงกับฮั้วทีเดียว เป็นปัญหาของพ่อค้าที่แย่งกันรับออเดอร์แล้วไปตัดราคากันมากกว่า แล้วมางุบงิบกันกดราคาซื้อตาม ท่านต้องไม่ลืมว่ามีตลาดล่วงหน้าสินค้าเกษตรอยู่แล้ว อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ท่านต้องทำให้ตลาดนี้สามารถอ้างอิงราคาได้ ถ้าทำไม่ได้ ไม่มีปัญญาทำ ก็ยุบไปเสีย ท่านต้องดูราคาหั่งเช้งที่เขาประกาศกันทุกสัปดาห์ วันพุธ ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมประการใด กดต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับราคาตลาดโลก ท่านก็ต้องเรียกพ่อค้าในสมาคมนั่นหละมาเจรจา ใช้ไม้แข็งบ้าง อย่าแค่ปล่อยให้พ่อค้าลากไปอย่างเดียว หรือไม่กล้า เพราะคนของพ่อค้าใหญ่โตคอยกำกับชักใยอยู่เบื้องหลัง !!!