นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลยุทธ์สำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในปีนี้ ได้แก่ กลยุทธ์ SIM ที่เน้นบุคลากรให้ดูแลเรื่องการตลาด การให้คนมีความคิดริเริ่มใหม่ในการพัฒนาสินค้า และการมีคนคอยสร้างแรงจูงใจในแต่ละฝ่ายให้ทำงานตามนโยบาย นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์สำคัญต่างๆ อาทิ การจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ อาทิ แบรนด์อันเดอร์ อาร์เมอร์ และกะทิพร้าวหอม มาทดแทนแบรนด์ไนกี้ และแบรนด์กะทิอร่อยดี ที่ยกเลิกให้บริษัทจำหน่ายสินค้าให้ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าใหม่อีกจำนวนมาก อาทิ มาม่าคัพ บิ๊กโบว์ มัสมั่น ไก่ มาม่า คาโบนาร่า มาม่า ราเมง สไปซี่ มิโซะ โจ๊ก รสต้มยำกุ้ง ข้าวต้ม แบรนด์ซื่อสัตย์ เส้นหมี่อบแห้ง และลูกอม ชิว ชิว บอล เป็นต้น
อีกหนึ่งกลยุทธ์คือ การทำตลาดเน้นเฉพาะพื้นที่ (Localization Campaign) ทดแทนการใช้กลยุทธ์จัดทำแคมเปญทั่วประเทศ (Nationwide Campaign) เนื่องจากการทำตลาดทั่วประเทศมีต้นทุนสูงและวัดผลได้ยาก การพัฒนาระบบไอที ด้วยการลงทุนเพิ่มในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์อีก 10 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทลงทุนไปแล้ว 52 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการบีทูบี ที่รองรับระบบการสั่งซื้อสินค้าของร้านค้าโชห่วยผ่านระบบออนไลน์ โดยก่อนหน้าได้ทดลองใช้กับร้านค้า 700 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ส่วนปีนี้จะขยายร้านค้าในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเตรียมลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์อีก 30 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบงานขายด้วย และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ในการเพิ่มคลังสินค้าที่อำเภอศรีราชาเพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่อยู่ 3 หมื่นตารางเมตร ซึ่งอาจจะขยายพื้นที่เพิ่มหรืออาจจะก่อสร้างใหม่ให้ได้พื้นที่รวม 5 หมื่นตามรางเมตร โดยเตรียมงบลงทุนไว้ 600 ล้านบาท
"ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.2% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 10% โดยเป็นผลมาจากการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการนำน้ำตาลมิตรผลเข้ามาจัดจำหน่าย และการใช้กลยุทธ์ 3T+1 ได้แก่ การกำหนดเป้าหมาย การบริหารเวลา การติดตามผล และการทำงานเป็นทีม
ส่วนในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10% หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,246 วันที่ 23 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2560