บล.หยวนต้าชักธงรบ ตั้งเป้าเบอร์ 1 เบียดกิมเอ็ง

20 มี.ค. 2560 | 10:17 น.
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)  ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน และผู้บริหารชุดใหม่จะเข้าบริหารตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายนนนี้  เปิดเผยว่า  บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2563  โดยจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็นไม่ต่ำกว่า 3% หรือติด TOP 5 ในปีนี้   ทั้งในส่วนของตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 0.6-0.7%  พร้อมกับจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)  ที่มีบริษัทแม่เป็นสิงคโปร์ เป็นโบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งตลาดด้านหลักทรัพย์มานานหลายปีแล้ว

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการเรื่องระบบการซื้อขายที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้ โนฮาว์ ต่าง ๆ และเงินทุนจากบริษัทแม่เข้ามาสนับสนุน โดยบริษัทแม่เตรียมเพิ่มทุนของบริษัทให้เป็น 4,500 ล้านบาทในเดือน ก.ค.นี้ จากปัจจุบันมีทุนอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับการขยายธุรกิจ

“เราจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในปีนี้ โดยจะไม่มีการแข่งขันด้านค่าคอมมิชชั่น แต่จะเน้นศักยภาพด้านบุคลากร และการให้ความรู้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มบุคลากรเป็น 300 ราย จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 150 ราย  นอกจากนี้ยังเตรียมขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 30 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 12 สาขา รองรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ที่ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มบัญชีลูกค้าเป็น 70,000 บัญชี จาก 35,000 บัญชีในปัจจุบัน”นางบุญพรกล่าว

นอกจากนั้นบริษัทยังได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ เพื่อช่วยสร้างกำไรให้กับนักลงทุน โดยจะสร้างทีมวิจัยที่ลงลึกในทุกภาคอุตสาหกรรม เพื่อที่จะคัดสรรหุ้นที่ตอบโจทย์สำหรับการลงทุนทั้งระยะสั้น และระยะยาว นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอบรมพัฒนาความรู้ของที่ปรึกษาการลงทุนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อให้ที่ปรึกษาการลงทุนของบริษัทเป็นตัวกลางในการส่งผ่านข่าวสารที่ดี ตลอดจนมีความพร้อมในการพัฒนาตัวเองไปสู่ผู้วางแผนการลงทุนให้กับลูกค้าของบริษัท

ด้านนายชาญศักดิ์ ธนเตชา ประธานสายผลิตภัณฑ์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวเสริมว่า ได้เตรียมความพร้อมที่จะสร้างให้บริษัทที่ให้บริการครบวงจร  โดยระยะสั้นจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เน้นไปในการสนับสนุนด้านการซื้อขายของลูกค้า โดยจะมีความพร้อมในการให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (มาร์จิ้น)ได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท  หลังการเพิ่มทุนเสร็จ  ส่วนในด้านการให้บริการด้านการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) จะสามารถเริ่มได้ในเดือน เม.ย. และด้วยอาศัยความที่บริษัทมีเครือข่ายของหยวนต้าในเอเชีย บริษัทก็จะเริ่มทำธุรกิจในต่างประเทศ ได้ในเร็วๆนี้ด้วย

ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ    จะค่อยๆเริ่มจากการเป็นผู้ร่วมรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในปีนี้ที่มีอยู่ 2 ดีลในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และบริษัทจะเริ่มงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินเป็นลำดับถัดไป