ต่างชาติจ่อทิ้งบอนด์ หนีเสี่ยงดอกเบี้ยขาขึ้นธปท.ชี้R/P1.5%เหมาะ

22 มี.ค. 2560 | 02:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

เตือนระวังต่างชาติจ่อเทขายพันธบัตรระยะยาวหลังแนวโน้มดอกเบี้ยโลกขยับรับคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ ทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนแตะ 3% ในปี 2562 แม้ระยะสั้นเงินทุนยังไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ แบงก์ชาติชี้อาร์/พี 1.5% เอื้อเศรษฐกิจฟื้นตัว

ที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 14-15 มีนาคมที่ผ่านมามีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.75-1.0% และคาดว่าในปีนี้จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง และจะปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปี 2561 จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเทขายพันธบัตร(บอนด์)ทั่วโลก รวมทั้งพันธบัตรไทยเพื่อลดความเสี่ยง

ขณะที่ระยะสั้นเงินยังไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมไทย เงินบาทสัปดาห์ที่แล้วแข็งค่ามาที่ 34.93-34.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากสัปดาห์ก่อนที่เคลื่อนไหว 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

“แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายโดยรวมปีนี้จะเป็นการขายพันธบัตรซื้อหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกแม้ที่ผ่านมาเงินไทยจะไหลเข้าบอนด์ปิดรับความเสี่ยงแต่สุดท้ายจะต้องมีแรงเทขายออกมาแน่นอนถ้าเฟดค่อยๆขยับขึ้นดอกเบี้ยเบี้ยและกระแสเงินทุนไหลออกจะกดดันให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวขึ้นในไม่ช้า จึงควรระมัดระวังการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวทั่วโลก”นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ”

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 1,021 ล้านบาท ส่วนYield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.2% ลดลงจากวันก่อน0.04%แต่มีแรงเทขายพันธบัตรในวันต่อมา โดยเฉพาะพันธบัตร 10 ปี Bond Yield อยู่ที่ 2.79 เพิ่มขึ้น 0.13%ขณะที่Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯอยู่ที่ 2.53% ไม่เปลี่ยนแปลง

นายจิติพล กล่าวว่าธนาคารกรุงไทยยังคงประมาณการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในปีนี้เพียง 0.25% เนื่องจากความเสี่ยงหลักคือ ตลาดที่อาจผันผวนแรงจากปัญหาการเมืองยุโรปในกลางปีราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มอ่อนตัวตามปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าปริมาณการผลิตและความไม่แน่นอนจากนโยบายการคลังของโดนัลด์ทรัมป์ โดยตลาดมองโอกาสเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่2ของปีนี้ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ระดับ 46.5% ครั้งที่3ในเดือนกันยายนที่ 26.1%

“เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและตลาดการเงินเริ่มสงบหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสไปแล้ว”นายจิตติพล กล่าว

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า ตลอดปีนี้เฟดคงจะปรับขึ้นดอกเบี้ย3ครั้ง แต่โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2ครั้งขึ้นอยู่กับการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐในเดือนเมษายนหากตัวเลขออกมาดีเฟดพร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยกลางปีนี้ ประกอบกับความไม่ชัดเจนของนโยบายทางการคลังของทรัมป์ ช่วงนี้จึงเห็นเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่สกุลเงินบาทและภูมิภาคอ่อนค่าส่วนทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯนั้นสะท้อนตลาดคลายความกังวลจากก่อนหน้าเฟดส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม

นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ยังอยู่ระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากจะพิจารณาผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม จะต้องดูว่าผลประโยชน์ที่มีต่อเศรษฐกิจจะมากกว่าผลกระทบด้านลบอื่นๆ หรือไม่ เช่น ผลต่อการออมของประชาชนในภาวะดอกเบี้ยต่ำและผลต่อเสถียรภาพการเงินของประเทศ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)กำหนดการประชุมครั้งต่อไปวันพุธที่ 29 มีนาคม 2560 ซึ่งตลาดเชื่อว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560