Business Comes First!

21 มี.ค. 2560 | 01:00 น.
มีข้อถกเถียงกันบ่อยๆ ว่าเวลาเราเป็นครอบครัวนักธุรกิจเวลาที่ต้องสินใจเลือกระหว่างประโยชน์ของครอบครัวกับประโยชน์ของธุรกิจเราควรให้ความสำคัญเรื่องใดเป็นลำดับแรก ซึ่งมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนจะตัดสินใจก็คือ ถ้าเราเลือกตัดสินใจด้วยประโยชน์ระยะสั้น ระยะยาวเราจะได้รับผลลัพธ์ที่ต่างกัน และถ้าเรามุ่งผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมจะได้ผลลัพธ์ต่างกัน

เมื่อพิจารณารูปแบบของธุรกิจครอบครัวจะเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีรูปแบบเฉพาะที่ผลประโยชน์ของครอบครัวและธุรกิจมีความสอดคล้องกันและมีความเกี่ยวพันกันมาก ขณะที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวแสวงหาความมั่งคั่งทางธุรกิจและความกลมเกลียวของครอบครัว บางครั้งพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหา เช่น ความแตกต่างของตำแหน่งผู้ถือหุ้น ความขัดแย้งเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือการแก่งแย่งชิงดีกันของพี่น้องซึ่งจะนำไปสู่การถอนตัวจากการเป็นผู้ถือหุ้นหรือการขายบริษัทเลยทีเดียว และเมื่อการเติบโตของบริษัทกลายมาเป็นวาระสำคัญ เจ้าของธุรกิจจะกังขาว่าจะทำได้อย่างไร ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผลประโยชน์ของครอบครัวและธุรกิจสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันและทำอย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องนี้หรือความแตกต่างของความคิดเห็นที่จะมาขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ

ทั้งนี้จากการที่ KPMG and European Family Businesses (EFB) ได้ทำการสำรวจเจ้าของธุรกิจครอบครัวที่มีความโดดเด่น 26 ราย จาก 8 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ สโลวะเกีย สเปน และสหราชอาณาจักร โดยวิธีสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้าและการโทรศัพท์ พบว่าขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการเติบโตของธุรกิจครอบครัวประกอบด้วย ขั้นแรก คือความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างครอบครัวและธุรกิจ (clearly differentiate between family and business) และไม่ผสมปนกันของทั้ง 2 ส่วน ธุรกิจควรพิจารณาโครงการธุรกิจ ไม่เฉพาะสินทรัพย์ทางการเงินเพียงอย่างเดียว เป้าหมายเบื้องต้นของควรเป็นการบริการลูกค้าไม่ใช่ครอบครัว

ธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์มุ่งสู่ความเจริญรุ่งเรืองของกิจการควรแยกจากครอบครัวด้วยผู้ถือหุ้นของพวกเขา ทั้งนี้การมีธรรมาภิบาลที่ดี (good governance) จะทำให้ทั้งสองส่วนทำหน้าที่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามกลไกธรรมาภิบาลที่นำมาใช้ควรมีเป้าหมายหลายอย่าง เช่น แยกความเป็นเจ้าของออกจากการบริหาร ตั้งกฎข้อบังคับของครอบครัวและธุรกิจ และกำหนดนโยบายแยกจากกัน โดยกฎข้อบังคับที่ชัดเจนและแนวปฏิบัติจะเป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวให้ธุรกิจครอบครัวสามารถทำตามแผนการเติบโตของพวกเขาได้

[caption id="attachment_135311" align="aligncenter" width="503"] Business Comes First! Business Comes First![/caption]

การแยกส่วนกันของครอบครัวกับธุรกิจเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจสามารถจะดำเนินไปตามใจชอบได้ เนื่องจากเจ้าของกิจการนั้นมีความหมายเป็นพิเศษในธุรกิจครอบครัวจากองค์ประกอบส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ธุรกิจครอบครัวไม่ควรสนใจที่สินทรัพย์สภาพคล่อง (liquid assets) เพียงอย่างเดียว แต่ควรมองที่ทรัพย์สินที่สร้างขึ้นและพัฒนาโดยครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งนี้เจ้าของธุรกิจครอบครัวผู้ถูกสำรวจชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า "ครอบครัวและธุรกิจเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน แยกจากกัน ธุรกิจเป็นพื้นฐานให้กับครอบครัว ถ้าผลประโยชน์ทางธุรกิจถูกวางไว้เป็นอย่างแรก ย่อมแน่ใจได้ว่าครอบครัวจะดำเนินไปอย่างราบรื่น" นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจครอบครัวผู้ถูกสำรวจชาวสเปนและดัชต์ยังเห็นพ้องกันว่า "ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการแยกความแตกต่างระหว่างบริษัทกับครอบครัว" และ"เราเข้มงวดอย่างมากในการแยกระหว่างครอบครัวกับธุรกิจตั้งแต่เริ่มแรก โดยมุ่งไปที่ธุรกิจเป็นอันดับแรก"

เมื่อกฎข้อบังคับถูกกำหนดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสื่อสาร (communicate) ผู้ถือหุ้นควรมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างต่อเนื่องและมีการสนทนาแบบเปิดในบริษัทเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะยังพึงพอใจกับวิธีในการดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ได้เป็นผลตอบแทนคืนกลับมา อีกทั้ง เจ้าของธุรกิจครอบครัวควรมีความรู้ที่เพียงพอสำหรับบริษัทและรู้สึกมีส่วนร่วมในการพัฒนาของกิจการ ทั้งนี้บรรดาเจ้าของธุรกิจครอบครัวผู้ถูกสำรวจยืนยันว่าการสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดความพึงพอใจต่อทุกภาคส่วน

อย่างไรก็ตามธรรมาภิบาลที่ดีไม่เพียงแยกหน้าที่ของครอบครัวจากธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทั้งสองส่วนสามารถแชร์เป้าหมายซึ่งกันและกันได้สำเร็จ เพื่อปกป้องและเพิ่มทรัพย์สินของครอบครัว ทั้งนี้การวางแผนแบบคู่ขนาน (parallel planning) จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ และยังเป็นเครื่องมือที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะทำให้เกิดความสอดคล้องกันของความคิดและการวางแผนของทั้งครอบครัวและธุรกิจที่อยู่ในแผนของธุรกิจครอบครัวได้ และการวางแผนแบบคู่ขนานจะช่วยอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับกลยุทธ์และศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนของครอบครัวในด้านทรัพยากรมนุษย์และเงินทุนนั่นเอง

ที่มา : KPMG and EFB. 2016. Hidden growth within family businesses: Driving success without the fame. November 2016. Available:www.kpmg.com/enterpriseeuropeanfamilybusinesses.eu

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560