‘บีโอเจ’สวนนโยบายเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย-‘ฮารุฮิโกะ’รับเศรษฐกิจยังเสี่ยง
ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงนโยบายทางการเงินไว้เช่นเดิมท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อที่ยังอ่อนแอ สวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามเป้าหมาย
ในการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติคงนโยบายทางการเงินไว้เช่นเดิม โดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% รักษาระดับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ใกล้เคียง 0% พร้อมกับคงการซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ประมาณ 80 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด แม้จะสวนทางกับธนาคารกลางขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้เง้มขวดขึ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมวันที่ 14-15 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีมติ 9 ต่อ 1 ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปสู่ระดับ 0.75-1% หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน พร้อมกับคาดหมายว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และ 3 ครั้งในปี 2561 โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า การปรับดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังไปได้ดี โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน
เจ้าหน้าที่ทางการของบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง และจะสามารถฟื้นตัวได้ในระดับนี้ต่อไปโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในประเทศ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง และการฟื้นตัวของการส่งออก อย่างไรก็ดี ยังคงแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอ่อนแอ
ขณะเดียวกัน บีโอเจเน้นย้ำถึงความกังวลจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ โดยแสดงความกังวลว่านโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะส่งผลอย่างไรต่อการค้าของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังระบุถึงปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ปีที่ผ่านมาเติบโตได้ต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี ตลอดจนการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษอาจจะส่งผลกระทบกับอียู
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของญี่ปุ่น ซึ่งรวมน้ำมันแต่ไม่รวมสินค้าประเภทอาหารสด เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมกราคม 2560 เทียบกับเดือนมกราคม 2559 นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นแตะระดับ 1% ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ปรับขึ้น และราคาสินค้านำเข้าที่สูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน
[caption id="attachment_135252" align="aligncenter" width="503"]
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ[/caption]
อย่างไรก็ตาม นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะขยับเข้าใกล้ 1% แต่บีโอเจจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดในเร็วๆ นี้ โดยกล่าวว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องอาศัยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก ในเวลาที่เงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย 2% ของบีโอเจ และความเสี่ยงต่อการเติบโตเอนเอียงไปในทิศทางลบ
ด้านเจ้าหน้าที่ทางการของเฟดยอมรับว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เข้าใกล้เป้าหมายระยะยาว 2% ของเฟดมากขึ้น อย่างไรก็ดี นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดยอมที่จะให้เงินเฟ้อเกิน 2% ได้เป็นการชั่วคราว ดังนั้นจะยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
นางเยลเลนกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังว่า เฟดยังคงรอดูความชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่อย่างไร พร้อมกับปฏิเสธว่านโยบายเฟดไม่ได้ขัดแย้งกับนโยบายของนายทรัมป์ "เรายินดีต้อนรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแร่งขึ้น ภายใต้บริบทของเสถียรภาพด้านราคา" นางเยลเลนกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560
ในการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติคงนโยบายทางการเงินไว้เช่นเดิม โดยคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% รักษาระดับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ใกล้เคียง 0% พร้อมกับคงการซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ประมาณ 80 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด แม้จะสวนทางกับธนาคารกลางขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ส่งสัญญาณว่าพร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้เง้มขวดขึ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมวันที่ 14-15 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีมติ 9 ต่อ 1 ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปสู่ระดับ 0.75-1% หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน พร้อมกับคาดหมายว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และ 3 ครั้งในปี 2561 โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า การปรับดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังไปได้ดี โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน
เจ้าหน้าที่ทางการของบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในระดับปานกลาง และจะสามารถฟื้นตัวได้ในระดับนี้ต่อไปโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในประเทศ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง และการฟื้นตัวของการส่งออก อย่างไรก็ดี ยังคงแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอ่อนแอ
ขณะเดียวกัน บีโอเจเน้นย้ำถึงความกังวลจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ โดยแสดงความกังวลว่านโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะส่งผลอย่างไรต่อการค้าของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังระบุถึงปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ปีที่ผ่านมาเติบโตได้ต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี ตลอดจนการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษอาจจะส่งผลกระทบกับอียู
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของญี่ปุ่น ซึ่งรวมน้ำมันแต่ไม่รวมสินค้าประเภทอาหารสด เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมกราคม 2560 เทียบกับเดือนมกราคม 2559 นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นแตะระดับ 1% ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ปรับขึ้น และราคาสินค้านำเข้าที่สูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน
[caption id="attachment_135252" align="aligncenter" width="503"]
อย่างไรก็ตาม นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะขยับเข้าใกล้ 1% แต่บีโอเจจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดในเร็วๆ นี้ โดยกล่าวว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องอาศัยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก ในเวลาที่เงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย 2% ของบีโอเจ และความเสี่ยงต่อการเติบโตเอนเอียงไปในทิศทางลบ
ด้านเจ้าหน้าที่ทางการของเฟดยอมรับว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เข้าใกล้เป้าหมายระยะยาว 2% ของเฟดมากขึ้น อย่างไรก็ดี นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดยอมที่จะให้เงินเฟ้อเกิน 2% ได้เป็นการชั่วคราว ดังนั้นจะยังไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
นางเยลเลนกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังว่า เฟดยังคงรอดูความชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่อย่างไร พร้อมกับปฏิเสธว่านโยบายเฟดไม่ได้ขัดแย้งกับนโยบายของนายทรัมป์ "เรายินดีต้อนรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแร่งขึ้น ภายใต้บริบทของเสถียรภาพด้านราคา" นางเยลเลนกล่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560