ในยุคที่ผู้บริโภคเริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพ การกินอาหารคลีนก็กำลังเป็นกระแสในจีนด้วยเช่นกัน สร้างโอกาสใหม่ๆให้กับสินค้าเกษตร และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการของไทยควรต้องจับตามอง
โอกาสที่กล่าวถึง คือโอกาสของสินค้าเกษตรที่มีแร่ธาตุเซเลเนียมสูง ในประเทศจีนเองมีนครกว่างซีเป็นมณฑลเกษตรที่สำคัญ ผืนดินในกว่างซีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุอย่างแร่เซเลเนียม (Selenium) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'แร่อายุวัฒนะ' จึงเป็นโอกาสของกว่างซีในการพัฒนาตนเองให้เป็นฐานนำร่อง “อุตสาหกรรมการเกษตรเซเลเนียมสูง” ที่ใหญ่ที่สุดของจีน เกาะกระแสการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (บีไอซี) ณ นครหนานหนิง เปิดเผยข้อมูลว่า กว่างซีมีพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเซเลเนียมกว่า 30,000 ตารางกิโลเมตร มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเกษตรที่ชูคุณสมบัติ “เซเลเนียมสูง” ของกว่างซี มีมูลค่าการผลิตราว 1,670 ล้านหยวน และช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่า 60,000 ครัวเรือน รัฐบาลท้องถิ่นมีแนวทางพัฒนาสินค้าเกษตรเซเลเนียมสูงอย่างชัดเจน อาทิ จัดตั้งหน่วยงานทั้งในระดับรัฐและเอกชนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสินค้าเกษตรเซเลเนียมสูง และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตร ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 55 รายการของผู้ประกอบการ(สหกรณ์) 44 ราย ที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าเกษตรเซเลเนียมสูง มีผลิตภัณฑ์ 16 รายการได้ชื่อว่าเป็น China Famous Selenium Products และอีก 8 รายการเป็น China Specialty Selenium Products นอกจากนี้ ยังจัดสรรงบประมาณ 10 ล้านหยวน (ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา) สนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่สาธิตการผลิตสินค้าเกษตรเซเลเนียมสูง 154 แห่งทั่วมณฑล รวมพื้นที่ราว 1.04 แสนไร่
จีนยังส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาสินค้าเกษตรเซเลเนียมสูงด้วย โดยมีผู้ประกอบการผลิต(รวมถึงสหกรณ์) เข้าร่วม 323 ราย พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากกว่า 30 ชนิด อาทิ ข้าว ใบชา หล่อฮังก๊วย ผักผลไม้ และน้ำมันพืช เป็นต้น
สำหรับโอกาสของประเทศไทยนั้น บีไอซีเสนอแนะว่า แนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรข้างต้นเป็นตัวอย่างที่น่าศึกษาสำหรับองค์กรภาครัฐและเอกชนไทยที่จะนำมาปรับใช้เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าเกษตร โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบ การวิจัยเพื่อพัฒนา การสร้างมาตรฐานและแบรนด์สินค้า รวมทั้งการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนผู้ประกอบการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรเพื่อสุขภาพของไทยที่มีตัวสินค้าและประเมินความพร้อมของตนเองในการเข้าสู่ตลาดจีนไว้แล้ว ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจในจีนด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อนำสินค้ามาทดลองตลาดและหาพันธมิตรทางธุรกิจ สิ่งสำคัญ คือ สินค้าเพื่อสุขภาพที่ต้องการเจาะตลาดจีน ต้องมีคุณภาพน่าเชื่อถือและมีลูกเล่นที่แตกต่าง เพราะชาวจีนมีค่านิยมและมีความเชื่อมั่นต่อสินค้านำเข้ามากกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ ประกอบกับการมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้บริโภคชาวจีนพร้อมจะควักกระเป๋าจ่ายเพื่อแลกกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสที่สินค้าเกษตรเพื่อสุขภาพของไทยน่าจะเข้ามาเจาะตลาดจีนได้ไม่ยาก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,245 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2560