บลจ.มองต่างมุมลงทุนหุ้นจีน‘กรุงไทย-กสิกรฯ’ ชี้ราคาถูก ฟาก MFC กังวลทรัมป์

16 มี.ค. 2560 | 08:15 น.
มุมมอง “จีน” หั่นจีดีพีดันปฏิรูปหนุนเศรษฐกิจดีระยะยาว “บลจ.กรุงไทยฯ” ออกกองทุนช็อปหุ้นราคาถูกฟาก “บลจ.เอ็มเอฟซี” ลดนํ้าหนักลงทุน

นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (KTAM) เปิดเผยว่า การปรับเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2560 ลงเหลือ 6.5% จากปีที่ผ่านมามองไว้ที่ 6.5-7% ไม่ได้ทำให้บริษัทเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อจีน เนื่องจากคาดการณ์แล้วว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงในช่วงของการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่จะส่งผลดีในระยะยาว

นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาจีนแก้ไขปัญหาการปล่อยกู้ ภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และเงินทุนไหลออกนอกประเทศต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มคลี่คลายลง ขณะที่เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังและโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ส่วนการเติบโตการบริโภคภายในประเทศและภาคบริการจากการเติบโตของกลุ่มประชากรชนชั้นกลางจะช่วยชดเชยความเสี่ยงหากภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯ

“หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ค่าเงินหยวนเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ แกว่งตัวเพียง 2% ซึ่งน้อยกว่าไทยและหลายประเทศในเอเชีย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเงินมีเสถียรภาพ ขณะที่ราคาหุ้นจีนยังซื้อขายถูกกว่าอดีต ปัจจุบันดัชนี Shanghai Composite Index พี/อี 13 เท่า ค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 14 เท่า จึงน่าสนใจลงทุนในระยะยาว เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นทุกคนก็จะกลับเข้ามาลงทุน”นายวีระกล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนลงทุนในหุ้นจีน คือ กองทุนดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟและเร็วๆ นี้ เตรียมออกกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อีควิตี้ฟันด์ (KT-China) ลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนรวมหลัก BGF China Fund บริหารจัดการโดยแบล็คร็อค เน้นการบริหารเชิงรุก ลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในหรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในจีน

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทยฯ กล่าวว่าตลาดหุ้นจีนยังน่าสนใจสำหรับลงทุนในระยะกลางถึงยาว ปัจจุบันซื้อขายอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยระยะยาวและถูกกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะเติบโต 6.5%ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากการประมาณครั้งก่อนอยู่ที่ 6.2%

นางพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บลจ.เอ็มเอฟซีฯ กล่าวว่า บริษัทลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นจีน เนื่องจากจีนอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งจีนอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้าง ส่งผลให้จีดีพีชะลอตัวลง ประกอบกับความกังวลฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ การปล่อยกู้นอกระบบ จึงมองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่นน่าสนใจกว่า

ด้านผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีน ข้อมูลบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)ฯ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน 5.30% สูงเป็นอันดับ 3 จาก 8 กลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศของมอร์นิ่งสตาร์ โดยกองทุนหุ้นสหรัฐสูงสุด 21.15% รองลงมากองทุนหุ้นญี่ปุ่น 13.93% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของกองทุนหุ้นจีนอยู่ที่ 23.50% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 5.53% ต่อปีและย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 3.51% ต่อปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560