บล.โกลเบล็กมองหุ้นไทยปรับลงสู่ระดับที่น่าสนใจ ให้กรอบดัชนี 1,520 – 1,560 จุด

15 มี.ค. 2560 | 04:04 น.
บล.โกลเบล็กเผยหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ P/E 17 เท่า และแรงเก็งกำไรการทำDressing ก่อนปิดงบไตรมาส 1/60 ปลายเดือนมีนาคม ให้กรอบดัชนี1,520 – 1,560 จุดแนะลงทุนเดินเรือ อานิสงส์ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 2 เดือนด้านราคาทองคำแนะนำให้ซื้อเก็งกำไร โดยดูการหลุด 1,200 ดอลลาร์ เป็นสัญญาณเตือนให้ cut loss ส่วนการหลุด 1,190 ดอลลาร์ เป็นสัญญาณว่า ไม่ควรมี long อยู่ในพอร์ต

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากการที่ดัชนีปรับตัวลงจนมีP/E อยู่ที่ระดับ 17 เท่า P/BV 1.9 เท่าซึ่งต่ำกว่าระดับ 18.6 เท่าและ 2 เท่าตามลำดับในปีที่ผ่านมาซึ่งมี Valuation น่าสนใจ และการทำ Window Dressing ปิดงวดไตรมาสแรกในช่วงปลายเดือนมีนาคมประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาต่อเนื่องโดยคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เตรียมนำเสนอความคืบหน้าแผนปฏิบัติการ EEC แต่ละโครงการต่อที่ประชุมคณะกรรมนโยบายฯ ในวันที่ 5 เมษายนนี้

โดยมีปัจจัยกดดันจากการที่CME Group ระบุว่ามีโอกาสสูงถึง 93% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14 – 15 มี.ค.ประกอบกับFund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าลงและการที่สภาขุนนางของอังกฤษลงมติรับรองร่างกฎหมาย Brexitแล้วเป็นการเปิดทางให้นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษใช้มาตรการ 50 เริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 15 มีนาคม กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)วันสุดท้ายและมีการแถลงเกี่ยวกับมติอัตราดอกเบี้ยในเช้าวันถัดไป วันที่ 16 มีนาคม กำหนดประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และในวันที่ 17 มีนาคม สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม

ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บล.โกลเบล็กกล่าวว่าการประชุม FED ในวันที่ 14 – 15 มีนาคมเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนเฝ้าติดตามซึ่งคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 0.75 – 1% และส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติเป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมราว 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าดัชนีได้ปรับตัวลงรับข่าวดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับดัชนีย่อตัวลงมาสู่ระดับ Valuation ที่น่าสนใจ รวมถึงคาดว่าจะมีการทำ Window Dressing ไตรมาส 1/2560  ในช่วงปลายเดือนมีนาคมโดยคาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,520 – 1,560 จุด

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ในกลุ่มเดินเรือ อานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือมีแนวโน้มเชิงบวกหลังดีดตัวทำ High ในรอบ 2 เดือน รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลง เช่น กลุ่มสายการบิน  และEPG รวมทั้งกลุ่มส่งออก (อาหาร อิเล็กทรอนิกส์) ได้รับอานิสงส์จากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็กเปิดเผยว่า รูปแบบความเสี่ยงในเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเหมือนเดิม นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเห็นแย้งเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการใช้จ่ายภาครัฐโดยตรง ส่วนการเพิ่มงบกลาโหมนั้น อาจผิดกฎหมาย หากมีการลดงบประมาณในส่วนอื่นทดแทน ดังนั้น การใช้เงินมือเติบของรัฐบาลทรัมป์จึงเป็นความเสี่ยงหลักที่เพิ่มความไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันในช่วงที่เพดานหนี้กำลังจะต้องถูกขยายออกอีกครั้ง หลังจากยืดเวลามาตั้งแต่ปีก่อน เพื่อให้พ้นช่วงเวลาของการเลือกตั้งและได้ประธานาธิบดีคนใหม่มารับตำแหน่งเสียก่อน ส่วนเรื่องที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนั้น คงเป็นไปตามคาด และตลาดได้รับรู้ไปแล้ว

ทั้งนี้ บนความเสี่ยงทางการเมืองของภูมิภาคยุโรป การเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับ Brexitที่รอประกาศมาตรการที่ชัดเจนเท่านั้น เพราะ Brexitอาจนำไปสู่ Scotlexit, Italexitและ Grexitโดยสก๊อตแลนด์อยากอยู่กับ EU จึงต้องตีจากอังกฤษ ส่วนอิตาลีและกรีซอยากหนีเจ้าหนี้ Troika จึงต้องการสกุลเงินตัวเองกลับมา