ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
กว่า 10 ปีก่อน นับจากเปิดม่านการพัฒนาพื้นที่กว่า 900 ไร่ ใน “โครงการดาษดา”จนขึ้นแท่นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์กล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิสส่งออกประเทศญี่ปุ่นรายใหญ่แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีทั้ง“ดาษดา แกลเลอรี่”ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงพันธ์ไม้ดอกเมืองหนาว และ “ดาษดา เดอะ ฟลาวเวอร์ เอสเซ้นส์ รีสอร์ท”
การพัฒนาต่างๆที่เกิดขึ้นแม้จะมีจุดเริ่มต้นจากนายปวเรศ บุญตานนท์ แต่วันนี้การบริหารงานในโครงการนี้อยู่ในการดูแลเต็มตัวของหลานสาว“สุวดี บุญตานนท์” หรือคุณฟาง ทายาทรุ่น 2 ที่หลังจากเข้ามาบริหารได้เพียงปีเดียว ก็สามารถพลิกธุรกิจสร้างกำไร และเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งๆที่ก่อน เธอจะเข้ามาคุมการบริหารงาน ที่นี่ก็เคยจ้างมืออาชีพในแวดวงธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวเข้ามาบริหารให้ด้วยซ้ำ
คุณฟางเปิดใจถึงการเข้ามาบริหารงานเต็มตัวของเธอในวันนี้ว่า เกิดจากความชอบและความรักที่นี่มาตั้งแต่เด็ก มองเห็นการเติบโตของดาษดา มาตั้งแต่ที่นี่เริ่มสร้างในยุคบุกเบิก มีคุณลุงเป็นแรงบันดาลใจ เพราะตอนคุณลุง มาประชุมที่นี่ก็พาเรามาด้วยตลอด พาไปเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบ เพื่อเรียนรู้ตลาดประมูลดอกไม้
พอเราโตขึ้นมาก็พาเราไปรู้จักซัพพลายเออร์ที่นั่น จนขยายงานขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างการสร้างรีสอร์ต ฟางก็มีส่วนในการตัดสินใจเรื่องของดีไซน์การตกแต่งห้องพัก และเมื่อเรียนจบปริญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ จากประเทศอังกฤษ ก็ได้มาช่วยงานเต็มตัว เรียกได้ว่า ที่นี่ก็เหมือนเป็นลูกรัก เพราะเราเห็นการเติบโตของเขามาตั้งแต่แรก
การเข้ามาบริหารงานที่นี่ เป็นโอกาสที่คุณฟางได้รับจากคุณลุง เมื่อบอกท่านว่า ที่ผ่านมาเราอาจคิดว่าเราไม่มีประสบการณ์จึงจ้างมืออาชีพเข้ามาบริหารให้ เพราะคิดว่าดีกว่าเราทำเองแน่นอน แต่เมื่อมันไม่ใช่ ที่ผ่านมาคุณลุงให้คนอื่นทำมาเยอะแยะ ลองให้ฟางทำดูก่อน
แรกๆที่เข้ามาบริหาร คุณลุง ก็ไม่ได้เปิดทางว่าเป็นหลาน เพื่อให้คนมาช่วยซัพพอร์ตให้ทุกคนยอมรับเรา การแก้ปัญหา ท่านก็ให้เราคิดเอง โดยที่คุณลุง จะถามว่าจะทำอะไรบ้างเท่านั้น ตอนเข้ามาก็รู้สึกได้ว่าคนไม่ยอมรับเรา เพราะเราเด็ก แต่ถึงวันนี้เธอบอกเลยว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลการทำงาน” เมื่อผลสะท้อนหลายอย่างที่เธอทำ นำไปสู่ธุรกิจที่สร้างกำไรและการยอมรับของทั้งคนในองค์กร หุ้นส่วน รวมถึงคนนอกองค์กรที่เกี่ยวข้อง
การบริหารงานของฟาง เราจะไม่ว่าใคร เพราะเรารู้ว่าเราเด็กกว่า แต่จะถามว่า คิดว่าตัวเองผิดตรงไหน ฟางก็จะค่อยๆช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้องค์กรเดินต่อไปได้ เวลาบรีฟเราจะบอกกับทุกคนว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน เพราะถ้ามันมีรายได้ ทุกคนก็มีงาน ส่วนตัวฟางเอง ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้ แต่ที่ทำเพราะความชอบการสร้างความเข้าใจทำให้ทุกวันนี้เราจึงอยู่กันเหมือนครอบครัว
อีกทั้งฟางเชื่อว่าคนเป็นเจ้าของเงิน ต้องรู้ว่าควรใช้เงินตรงไหน ตรงไหนประหยัดได้ ตรงไหนควรลงทุน เพราะคนที่มาบริหารให้เรา มันไม่ใช่เงินของเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะช่วยเราเซฟคอร์ส ซึ่งเมื่อฟางเข้ามาดูแล ก็ตัดค่าใช้จ่ายๆในส่วนที่มองว่ามันมากเกินไป หรือเกินความต้องการออกไป จากสมัยก่อนพนักงานราว 100 คน ตอนนี้เหลือ 60 คน
จากนั้นก็มองเรื่องของการเพิ่มรายได้ ซึ่งฟางมองว่า “การจัดอีเว้นท์” จะเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้เกิดขึ้น ทำให้เธอ เข้ามาเป็นแม่งานในการจัดเทศกาลดอกไม้ ที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม จนดึงคนนับแสนคนเข้าไปเที่ยวได้ตลอดช่วง 3 เดือนของการจัดงาน ทำให้ในทุกปีก็จะมีทั้งกลุ่มแฟนคลับที่มาดูทุกปี และคนกลุ่มใหม่เข้ามาชมเทศกาลดังกล่าว
แม้ปัจจุบันการแสดงดอกไม้จะมีการแข่งขันสูง แต่จุดเด่นของการแสดงดอกไม้ที่นี่ซึ่งไม่เหมือนที่ใด คือ ความสวยงามในการจัดแสดงของกล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิส ที่มีอยู่มากมาย ความคลีเอทีฟในการจัดแสดงดอกไม้ และการผสมผสานเทคนิคต่างๆที่ไม่เหมือนกันทุกปี
[caption id="attachment_134673" align="aligncenter" width="335"]
สุวดี บุญตานนท์[/caption]
อย่างการจัดแสดงดอกไม้ในปีนี้ก็มีไฮไลต์ ของดอกเบญจมาศ ที่เราซื้อไลเซนส์โชว์มาจัดแสดง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเห็นความสวยงามของดอกเบญจมาศที่มีหลายสายพันธุ์ โดยไม่ต้องบินไปดูถึงต่างประเทศ การจัดธีมแสดงดอกไม้ที่จะนำคุณคนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ออกแนวแฟรี่ เทล และการจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่และแตกต่างไปจากเดิม โดยคาดหวังผู้เข้าชมงานปีนี้ราว 1.5-1.7 แสนคน
แม้ไฮไลต์ซีซันของดาษดาจะอยู่ที่ 3 เดือนของการจัดเทศกาลดอกไม้ แต่สิ่งที่เธอโฟกัสมากเป็นพิเศษ คือในช่วงเวลาที่เหลือตลอดทั้งปีคนจะต้องไม่ลืมดาษดา จึงจะเห็นว่ามีในบางช่วงที่เธอ นำดอกไม้ขึ้นมาจัดแสดงที่สยาม ดิสคัฟเวอรรี่ กรุงเทพฯ การทดลองจัดรันนิ่ง ที่ดาษดา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก
รวมถึงการจัดแพ็กเกจสุขภาพ แพ็กเกจดินเนอร์ในสวนดอกไม้ แพ็คเกจปิดเทอม เพื่อสร้างโมแมนตั้มให้กับดาษดาในทุกเดือน ที่จะเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้เป้าหมายของคุณฟาง ไม่เพียงจะทำให้ธุรกิจของดาษดา แกลเลอรี่ และรีสอร์ท ขนาด 80 ห้อง สามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องและเลี้ยงตัวได้เท่านั้น แต่ยังวางเป้าหมายให้ที่นี่เป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวของปราจีนบุรีด้วยโดยจะเริ่มเน้นเรื่องของการโปรโมทและประชาสัมพันธ์ดาษดา ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ก็รู้ดีว่าการลงทุนใช้เครื่องมือในการทำตลาดแบบใด จะนำมาซึ่งการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเธอรู้ดีว่าทำเลที่ตั้งของดาษดา ในฝั่งนี้ จะไม่เหมือนกับฝั่งเขาใหญ่ ที่จะมีการแวะมาเที่ยวเกิดขึ้นได้ แต่มาที่นี่ ต้องเป็นความตั้งใจที่จะมาเท่านั้น หากทำให้ดาษดา เป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวได้ ที่นี่ก็จะเป็นเดสติเนชั่นของปราจีนบุรีตามไปด้วยนั่นเอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560
การพัฒนาต่างๆที่เกิดขึ้นแม้จะมีจุดเริ่มต้นจากนายปวเรศ บุญตานนท์ แต่วันนี้การบริหารงานในโครงการนี้อยู่ในการดูแลเต็มตัวของหลานสาว“สุวดี บุญตานนท์” หรือคุณฟาง ทายาทรุ่น 2 ที่หลังจากเข้ามาบริหารได้เพียงปีเดียว ก็สามารถพลิกธุรกิจสร้างกำไร และเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งๆที่ก่อน เธอจะเข้ามาคุมการบริหารงาน ที่นี่ก็เคยจ้างมืออาชีพในแวดวงธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวเข้ามาบริหารให้ด้วยซ้ำ
คุณฟางเปิดใจถึงการเข้ามาบริหารงานเต็มตัวของเธอในวันนี้ว่า เกิดจากความชอบและความรักที่นี่มาตั้งแต่เด็ก มองเห็นการเติบโตของดาษดา มาตั้งแต่ที่นี่เริ่มสร้างในยุคบุกเบิก มีคุณลุงเป็นแรงบันดาลใจ เพราะตอนคุณลุง มาประชุมที่นี่ก็พาเรามาด้วยตลอด พาไปเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบ เพื่อเรียนรู้ตลาดประมูลดอกไม้
พอเราโตขึ้นมาก็พาเราไปรู้จักซัพพลายเออร์ที่นั่น จนขยายงานขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างการสร้างรีสอร์ต ฟางก็มีส่วนในการตัดสินใจเรื่องของดีไซน์การตกแต่งห้องพัก และเมื่อเรียนจบปริญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ จากประเทศอังกฤษ ก็ได้มาช่วยงานเต็มตัว เรียกได้ว่า ที่นี่ก็เหมือนเป็นลูกรัก เพราะเราเห็นการเติบโตของเขามาตั้งแต่แรก
การเข้ามาบริหารงานที่นี่ เป็นโอกาสที่คุณฟางได้รับจากคุณลุง เมื่อบอกท่านว่า ที่ผ่านมาเราอาจคิดว่าเราไม่มีประสบการณ์จึงจ้างมืออาชีพเข้ามาบริหารให้ เพราะคิดว่าดีกว่าเราทำเองแน่นอน แต่เมื่อมันไม่ใช่ ที่ผ่านมาคุณลุงให้คนอื่นทำมาเยอะแยะ ลองให้ฟางทำดูก่อน
แรกๆที่เข้ามาบริหาร คุณลุง ก็ไม่ได้เปิดทางว่าเป็นหลาน เพื่อให้คนมาช่วยซัพพอร์ตให้ทุกคนยอมรับเรา การแก้ปัญหา ท่านก็ให้เราคิดเอง โดยที่คุณลุง จะถามว่าจะทำอะไรบ้างเท่านั้น ตอนเข้ามาก็รู้สึกได้ว่าคนไม่ยอมรับเรา เพราะเราเด็ก แต่ถึงวันนี้เธอบอกเลยว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลการทำงาน” เมื่อผลสะท้อนหลายอย่างที่เธอทำ นำไปสู่ธุรกิจที่สร้างกำไรและการยอมรับของทั้งคนในองค์กร หุ้นส่วน รวมถึงคนนอกองค์กรที่เกี่ยวข้อง
การบริหารงานของฟาง เราจะไม่ว่าใคร เพราะเรารู้ว่าเราเด็กกว่า แต่จะถามว่า คิดว่าตัวเองผิดตรงไหน ฟางก็จะค่อยๆช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้องค์กรเดินต่อไปได้ เวลาบรีฟเราจะบอกกับทุกคนว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน เพราะถ้ามันมีรายได้ ทุกคนก็มีงาน ส่วนตัวฟางเอง ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ได้ แต่ที่ทำเพราะความชอบการสร้างความเข้าใจทำให้ทุกวันนี้เราจึงอยู่กันเหมือนครอบครัว
อีกทั้งฟางเชื่อว่าคนเป็นเจ้าของเงิน ต้องรู้ว่าควรใช้เงินตรงไหน ตรงไหนประหยัดได้ ตรงไหนควรลงทุน เพราะคนที่มาบริหารให้เรา มันไม่ใช่เงินของเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะช่วยเราเซฟคอร์ส ซึ่งเมื่อฟางเข้ามาดูแล ก็ตัดค่าใช้จ่ายๆในส่วนที่มองว่ามันมากเกินไป หรือเกินความต้องการออกไป จากสมัยก่อนพนักงานราว 100 คน ตอนนี้เหลือ 60 คน
จากนั้นก็มองเรื่องของการเพิ่มรายได้ ซึ่งฟางมองว่า “การจัดอีเว้นท์” จะเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้เกิดขึ้น ทำให้เธอ เข้ามาเป็นแม่งานในการจัดเทศกาลดอกไม้ ที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม จนดึงคนนับแสนคนเข้าไปเที่ยวได้ตลอดช่วง 3 เดือนของการจัดงาน ทำให้ในทุกปีก็จะมีทั้งกลุ่มแฟนคลับที่มาดูทุกปี และคนกลุ่มใหม่เข้ามาชมเทศกาลดังกล่าว
แม้ปัจจุบันการแสดงดอกไม้จะมีการแข่งขันสูง แต่จุดเด่นของการแสดงดอกไม้ที่นี่ซึ่งไม่เหมือนที่ใด คือ ความสวยงามในการจัดแสดงของกล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิส ที่มีอยู่มากมาย ความคลีเอทีฟในการจัดแสดงดอกไม้ และการผสมผสานเทคนิคต่างๆที่ไม่เหมือนกันทุกปี
[caption id="attachment_134673" align="aligncenter" width="335"]
อย่างการจัดแสดงดอกไม้ในปีนี้ก็มีไฮไลต์ ของดอกเบญจมาศ ที่เราซื้อไลเซนส์โชว์มาจัดแสดง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเห็นความสวยงามของดอกเบญจมาศที่มีหลายสายพันธุ์ โดยไม่ต้องบินไปดูถึงต่างประเทศ การจัดธีมแสดงดอกไม้ที่จะนำคุณคนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ออกแนวแฟรี่ เทล และการจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่และแตกต่างไปจากเดิม โดยคาดหวังผู้เข้าชมงานปีนี้ราว 1.5-1.7 แสนคน
แม้ไฮไลต์ซีซันของดาษดาจะอยู่ที่ 3 เดือนของการจัดเทศกาลดอกไม้ แต่สิ่งที่เธอโฟกัสมากเป็นพิเศษ คือในช่วงเวลาที่เหลือตลอดทั้งปีคนจะต้องไม่ลืมดาษดา จึงจะเห็นว่ามีในบางช่วงที่เธอ นำดอกไม้ขึ้นมาจัดแสดงที่สยาม ดิสคัฟเวอรรี่ กรุงเทพฯ การทดลองจัดรันนิ่ง ที่ดาษดา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก
รวมถึงการจัดแพ็กเกจสุขภาพ แพ็กเกจดินเนอร์ในสวนดอกไม้ แพ็คเกจปิดเทอม เพื่อสร้างโมแมนตั้มให้กับดาษดาในทุกเดือน ที่จะเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้เป้าหมายของคุณฟาง ไม่เพียงจะทำให้ธุรกิจของดาษดา แกลเลอรี่ และรีสอร์ท ขนาด 80 ห้อง สามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องและเลี้ยงตัวได้เท่านั้น แต่ยังวางเป้าหมายให้ที่นี่เป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวของปราจีนบุรีด้วยโดยจะเริ่มเน้นเรื่องของการโปรโมทและประชาสัมพันธ์ดาษดา ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ก็รู้ดีว่าการลงทุนใช้เครื่องมือในการทำตลาดแบบใด จะนำมาซึ่งการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเธอรู้ดีว่าทำเลที่ตั้งของดาษดา ในฝั่งนี้ จะไม่เหมือนกับฝั่งเขาใหญ่ ที่จะมีการแวะมาเที่ยวเกิดขึ้นได้ แต่มาที่นี่ ต้องเป็นความตั้งใจที่จะมาเท่านั้น หากทำให้ดาษดา เป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวได้ ที่นี่ก็จะเป็นเดสติเนชั่นของปราจีนบุรีตามไปด้วยนั่นเอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560