จะไป 4.0, 5.0 ... ต้องกล้าเปลี่ยน

17 มี.ค. 2560 | 00:00 น.
MP29-3244-d หากประเทศไทยจะไป Thailand4.0 ด้วยอุตสาหกรรม4.0 ด้วยเกษตร4.0 ด้วยสหกรณ์4.0 หรือแม้แต่ Startup4.0 ก็ตาม หากคนไทยยังไม่ “กล้าเปลี่ยน” คงจะไปกันลำบาก

ในขณะที่ประเทศไทยพูดกันถึงเรื่อง 4.0 มานาน และกำลังขับเคลื่อนกันอยู่ (อย่างช้าๆ) ประเทศญี่ปุ่นกำลังวางแผนประเทศเป็น 5.0 หรือ Society5.0 (http://www.keidanren.or.jp/en/policy/2016/029_outline.pdf)
ญี่ปุ่นเองเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง มีการพัฒนาที่รวดเร็ว ได้ออกมายอมรับว่าประเทศของตนกำลังประสบปัญหาด้านประชากรไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนการเกิดของประชากร การมีส่วนร่วมของสุภาพสตรี ทำให้ต้องวางแผนเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าคนสูงอายุเพิ่มขึ้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มันก็แก่กันทุกประเทศนั่นแหละ อธิบายง่ายๆ ให้น่ากลัวเล่นๆ คนสูงอายุยิ่งอายุยืนขึ้น แต่เงินที่เก็บไว้จะไม่พอใช้จ่ายไปจนตาย ถ้าหวังพึ่งลูกหลานก็ดันมีลูกหลานจำนวนไม่มากในช่วงที่ผ่านมา (คนนิยมมีบุตรน้อยลง) นอกจากนี้ลูกหลานสมัยนี้ยังมีภาระส่วนตัวอีกมาก จะไปหวังพึ่งพาอะไรมากมายก็คงลำบากช่างช้ำใจยิ่งนัก อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด...ใจเย็นๆ ครับ ประเทศญี่ปุ่นกำลังพยายามนำเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของตัวเองมาช่วยพัฒนาหรือใช้ทดแทนคนของเขาอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนญี่ปุ่นในอนาคต

ทุกอย่างบนโลกเรากำลังเปลี่ยนแปลง เราตื่นด้วยโทรศัพท์มือถือปลุกเรา (บางคนหลายรอบ) เราคุยกับคนใน Line ก่อนคนในบ้าน เราเรียกแท็กซี่ด้วย Uber ที่กำลังมีปัญหากับรัฐบาลที่บอกจะไป4.0 (Uber ไม่มีแท็กซี่ของตัวเองซักคันเดียว) เราจ่ายเงินรายเดือนเพื่อจะดูหนังให้ Netflix โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดูเรื่องอะไร เราจ่ายเงินให้คนมาตะโกนบังคับให้เราออกกำลังกาย (เรียกเขาเท่ห์ๆ ว่าเทรนเนอร์) เราฟังเพลงจากการสตรีมมิ่ง ไม่ใช่แผ่นซีดีหรือ MP3 อีกต่อไป (Jooxเป็นคลังเพลงที่ใหญ่ที่สุดของเราตอนนี้) ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์วันละ 5 ฉบับ โดยไม่มีหนังสือพิมพ์แม้แต่ซักฉบับบนโต๊ะทำงาน

โลกธุรกิจเปลี่ยนไปไกลมาก และดูเหมือนจะมีผู้บริโภคจำนวนมากอุดหนุนเป็นลูกค้าโดยไม่รู้ตัว ลองพิจารณาการขายสินค้าในปัจจุบันยิ่งต้องหาโมเดลในการขายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น AirBNBธุรกิจแบ่งปันที่พักที่ถือว่ากลายเป็นคู่แข่งของธุรกิจโรงแรมอย่างแท้จริง จากข้อมูลพบว่ารายได้ของเจ้าของที่พักเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า ในฐานะที่คลุกคลีกับธุรกิจรีสอร์ตบอกได้เลยว่าที่พักปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ทำเลอีกต่อไป แต่อยู่ที่ Concept และรสนิยม ไม่เพียงแต่การขายห้องพักเท่านั้น ลองดูสิว่าแม้แต่การซื้อกระทะของคนไทยยังเปลี่ยนเลย ใครจะซื้อกระทะทีละ 2 ใบนอกจากคนไทย (ก็มันซื้อ 1 แถมอีก 1 ฟรี!!! และยังแถมตะหลิวให้เราอีกนี่นา)

เมื่อสัปดาห์ก่อนมี Hashtag ร้อนๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังกับการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย นั่นคือ #ChangeEduTHผมสนใจความคิดเห็นของหลายๆ คนที่เข้ามา Comment ผ่านช่องทางต่างๆ มีทั้งแรง แสบ และโดนใจ มีคนนึงกล่าวว่า “เด็กไทยเรียนจนจบปริญญาตรี ยังไม่รู้ว่าตัวเองเก่งอะไร ถนัดอะไร อยากทำงานอะไร นี่แหละความล้มเหลว” หรืออีกความเห็นหนึ่ง “เกรดเฉลี่ยเป็นเรื่องแหกตา วิชาคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษ เอามาเฉลี่ยกันได้ยังไง” อยากเห็นคนในแวดวงการศึกษาคิดได้ ผมจะไปบรรยายให้ฟรีเลย

Education4.0 เป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่เป็นเรื่องต้อง “กล้าเปลี่ยน” เพราะมันทำไม่ยากหรอก ใช้เวลาแปปเดียว สำคัญตรงกล้าหรือไม่ เราต้องเปลี่ยนจาก 1.0 ที่เน้นบรรยาย ท่องจำ เปลี่ยนจาก 2.0 ที่เน้นอินเทอร์เน็ต (แล้วคิดว่าเจ๋งแล้ว) เปลี่ยนจาก 3.0 ที่เน้นความรู้หลากหลาย (เยอะไปก็งงนะ) มาเป็น 4.0 ที่เน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม เน้นความคิด เน้นอนาคต การกล้าเดินออกจากกรอบเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการศึกษาไทย มี 3 เรื่องสำคัญที่ต้องเปลี่ยนจากกรอบเดิม คือ “ระบบ ครู และหนูน้อย”

ระบบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยงานเอกสาร (ที่ไม่เคยมีคนอ่าน) ระบบที่เน้นงานวิจัยเยอะๆ (แล้ววางไว้บนหิ้ง) ระบบประกันคุณภาพ (ที่คุณภาพไม่เคยติดอันดับโลก) ระบบการเขียนหลักสูตร (ถ้ามันดีจริงจะเขียนใหม่ทำไมบ่อยๆ) ครูที่ไม่สามารถสอนได้จริงในปัจจุบันครูที่จบต่างประเทศมาใช้ทุนไปวันๆ (ใช้ทุนหมดเมื่อไร ชั้นไปแน่) ครูที่ไม่มีประสบการณ์จริง (อิงแต่ในตำรา) ครูที่เงินเดือนน้อยกว่าเน็ตไอดอล(ช้ำใจไหมล่ะ) ที่ประเทศอังกฤษใครเรียนดีที่สุด โรงเรียนจะขอให้กลับมาเป็นครูโดยให้เงินเดือนสูงที่สุดเท่าที่คนๆ นั้นจะได้รับจากการไปทำงานที่อื่น เราต้องการครูที่เป็น Coach ครับ และสุดท้าย หนูน้อย ใช่ครับ หนูๆ ทั้งหลายเองนั่นแหละ ต้องเปลี่ยนความคิดของเด็กไทยที่คิดว่าไม่ต้องเรียนก็ได้ โรงเรียนไม่มีประโยชน์ หาข้อมูลทุกอย่างจาก Google และ YouTube เด็กไทยที่รู้เรื่องราวดารามากกว่าความรู้รอบตัว เด็กไทยที่คิดว่าตัวเองเจ๋งสุดๆ (สะกดภาษาไทยให้ถูกๆ หน่อยนะลูก ลุงอ่านแล้วเครียด) ทำอย่างไรให้เด็กไทยอยากเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ คิดนวัตกรรมใหม่ๆ มี Startup ออกมามากกว่านี้ นี่เป็นสิ่งสำคัญ

ไม่ใช่แค่ 4.0 แต่ในอนาคตต้องมี 5.0 และ 6.0 แน่ อยู่ที่ตอนนี้เรา “กล้าเปลี่ยน” หรือไม่ครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560