เอ็มจี จีเอส 1.5 เทอร์โบ หัวใจใหม่

“เอ็มจี” เริ่มลุยธุรกิจในเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งแบรนด์อังกฤษ เจ้าของคนจีน ที่ลงทุนในไทยร่วมกับ“ซีพี” ดูแน่นแกร่งทั่วแผ่นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแผนขึ้นไลน์ประกอบรถในประเทศ การขยายเครือข่ายดีลเลอร์ พร้อมทยอยส่งรถยนต์ใหม่ลงตลาดหลายรุ่น เริ่มตั้งแต่เอ็มจี6 เอ็มจี3 เอ็มจี5 และเอสยูวี “จีเอส” ที่เปิดตัวปีที่แล้ว ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีทั้ง เอ็มพีวี ปิกอัพ และเอสยูวีตัวเล็ก(ครอสโอเวอร์) รุ่นใหม่เสริมทัพตามมาอีก

แม้ “เอ็มจี3” น้องเล็กจะเป็นเส้นเลือดหลักที่ขายดีที่สุด ด้วยสีสันความแปลกใหม่ และราคาเข้าถึงง่าย แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ชื่นชอบในสมรรถนะ ลักษณะการขับขี่มากนัก แต่กลับชื่มชมเอสยูวีอย่าง“จีเอส” มากที่สุด(ก็แน่ละครับเซกเมนต์สูงกว่าและราคาแพงกว่า)

โดย “จีเอส” มีบุคลิกออกแนวรถแข่งในคราบเอสยูวี เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ หนักแน่น แรงเต็มพลัง พร้อมความอเนกประสงค์ ทว่าตลาดนี้แข่งกันดุโปรดักต์มีให้เลือกเพียบบนหลากหลายราคา ล่าสุดเอ็มจี จัดดาบสองให้ “จีเอส” ด้วยการเสริมรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ประกบเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีดลูกใหม่ พร้อมตั้งราคาขายไม่ถึง 1 ล้านบาท

จีเอส 1.5 เทอร์โบ มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ แบ่งเป็นสองรุ่นย่อยในเกรด D ราคา 8.9 แสนบาท และเกรด X 9.9 แสนบาท ซึ่งส่วนต่าง 1 แสนบาท อยู่ที่ออพชันในรุ่นท็อป เช่น แพดเดิลชิฟต์เปลี่ยนเกียร์ ครูสคอนโทรล ราวหลังคา ซันรูฟ ระบบ Push Start-Smart Entry (กุญแจคีย์เลส) ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบนำทาง และอินคาเน็ต เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากเทียบระหว่างตัวท็อปเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ กับ 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อซึ่งรุ่นนี้จะขาดออพชัน ไฟหน้า HID ไม่มีระบบฉีดล้างไฟหน้าและระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ใช้ล้ออัลลอย 17 นิ้ว(รุ่น 2.0 X ใช้ขนาด 18 นิ้ว) เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารไม่ได้ปรับไฟฟ้า ดังนั้น วัดออพชันเอสยูวี/ครอสโอเวอร์ ราคาไม่ถึงหนึ่งล้านบาท จีเอส 1.5 เทอร์โบ ตัวท็อป ให้มาเยอะที่สุดแล้วครับ ทั้งระบบความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวก

ส่วนการทดสอบ ผมได้ลองขับยาวๆ จากกรุงเทพฯ ขึ้นไปจังหวัดอุดรธานี(สลับมือขับรวม 3 คน) หัวใจใหม่เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ไดเรกอินเจกชัน พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบ 167 แรงม้า แม้ประสิทธิผลจะน้อยกว่ารุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบที่ให้กำลัง 218 แรงม้า แต่ผมว่าสมรรถนะสมเหตุสมผล ประสิทธิภาพของชุดขับเคลื่อนดีเดินคาด ทั้งเรี่ยวแรง และเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 สปีด ส่งกำลังเฉียบคมกว่ารุ่นที่ใช้ 6 สปีดเดิม โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ของรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ อยู่ที่ 9.7 วินาที ต่างจาก 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อนสองล้อ ที่ทำเวลาได้ 8.2 วินาที ขับจริงๆหัวใจขนาดเล็กแต่ก็สู้เท้าทุกย่านความเร็ว จังหวะเปลี่ยนเกียร์กระชับ สอดคล้องกับจังหวะเร่งและรอบเครื่องยนต์

ขณะที่ช่วงล่างหากเทียบกับพวกครอสโอเวอร์แบรนด์ญี่ปุ่น “จีเอส”จะออกแนวแข็ งกว่าครับ รับรู้ถึงแรงสะเทือนจากพื้นถนนเข้าสู่ห้องโดยสารและตัวคนขับอยู่ระดับหนึ่ง แม้ทีมวิศวกรเอ็มจี จะยืนยันว่าได้ปรับค่าสปริง หรือใช่ชิ้นส่วนคนละพาร์ทนัมเบอร์ กับรุ่น 2.0 ลิตร โดยหวังให้ช่วงล่างการรองรับนุ่มนวลมากขึ้นแล้วก็ตาม

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง หลังมัลติลิงก์พร้อมเหล็กกันโคลง ประกบล้ออัลลอย 17 นิ้วและยาง Maxxis Bravo 215/60 R17 ช่วงถนนเรียบๆ วิ่งก็นิ่งดี ทว่าผ่านถนนแย่ๆ รับรู้อาการเด้งสะท้านพอสมควร

ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร อย่างเสียงลมปะทะนั้นเล็ดรอดเข้ามาน้อย แต่เสียงที่ได้ยินชัดชัดที่สุดน่าจะเป็นเสียงยางบดพื้นถนน

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันวัดจากการขับทางไกลใช้ความเร็วเฉลี่ย 100 กม./ชม. ตัวเลขของ จีเอส 1.5 เทอร์โบจะอยู่ที่ 7.5 ลิตร/ 100 กม. หรือ 13.33 กม./ลิตร ส่วนรุ่น 2.0 เทอร์โบ ขับเคลื่อนสี่ล้อในสภาพการขับเดียวกัน จะได้ตัวเลขประมาณ 10-11 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...ออพชันเพียบ ชูจุดขายที่ความคุ้มค่า ด้วยทางเลือกราคาไม่ถึงหนึ่งล้านบาท (ขณะที่รุ่น 2.0 ลิตรเทอร์โบ ราคา 1.21-1.31 ล้านบาท) เอ็มจีหวังสู้กับครอสโอเวอร์แบรนด์ญี่ปุ่นเต็มที่ ด้วยบุคลิกออกแนวสปอร์ต ช่วงล่างการควบคุมหนักหน่วง หนึบแน่น แต่ไม่รู้ว่าจะเกินความชอบของกลุ่มเป้าหมายสุภาพสตรีที่เอ็มจีเล็งไว้หรือเปล่า แม้เครื่องยนต์เล็กลง พลังดีและประหยัดน้ำมัน แต่การตอบสนองการขับขี่ในภาพรวมอยากให้นุ่มนวลกว่านี้อีกนิดครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,243 วันที่ 12 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2560