‘แอมแชม’ เชื่อมั่นไทย วางเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

10 มี.ค. 2560 | 03:00 น.
ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยเชื่อมั่นเอเชียยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจสหรัฐฯ ยํ้าให้ไทยสร้างความเข้มแข็งก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค CLMV

นายเจฟฟรีย์ ไนการ์ด ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (แอมแชม) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณว่าต้องการดึงการผลิตและการจ้างงานกลับประเทศเป็นสิ่งที่ดีและสามารถทำได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วภูมิภาคเอเชียจะยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจ และจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในฐานะของการเป็นตลาดจำหน่ายสินค้า รวมถึงแหล่งผลิตและการออกแบบ

ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการสนับสนุนการลงทุนภายในประเทศ เชื่อว่าในระยะยาวอาจจะมีเงินทุนบางส่วนที่ไหลกลับเข้าไป แต่มองว่าส่วนใหญ่การผลิตสินค้าจะต้องเกิดขึ้นในโลกที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด และด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบในที่หนึ่งและผลิตในที่หนึ่ง ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่จะมีความสำคัญต่อทั้งไทยและสหรัฐฯ คือการมีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งเท่าที่ได้เห็นสัญญาณคือสหรัฐฯ ต้องการทำข้อตกลงระดับทวิภาคีกับไทย "ผมในฐานะตัวแทนของแอมแชมสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว เราต้องการให้มันเกิดขึ้นเช่นกัน"

อย่างไรก็ดี รัฐบาลและภาคธุรกิจของไทยเองจะต้องสร้างความเข้มแข็งและพยายามพัฒนาให้ไทยเป็นแหล่งการค้าและการลงทุนที่บริษัทจากต่างชาติสนใจจะเข้ามา โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) และอาเซียน ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนเป็นไปได้อย่างสะดวก และอาศัยความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคต่อยอดเข้าถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ที่จะเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลกต่อไป

ประธานแอมแชมกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยประสบความสำเร็จจากการเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออก โดยมีจุดแข็งหลายประการที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จนั้น อาทิเช่น การมีโครงสร้างราคาที่เอื้ออำนวย แม้ว่าไทยจะไม่ใช่แหล่งผลิตที่ถูกที่สุดในอาเซียน การมีตำแหน่งทางโลจิสติกส์ที่เข้มแข็ง สามารถเชื่อมโยงกับอาเซียน จีน อินเดีย มีซัพพลายเชนสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้มแข็งและพัฒนามาแล้วเป็นเวลาหลายปี

"เป้าหมายของไทยคือรัฐบาลมองไปที่การเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม บนพื้นฐานของการผลิตสินค้าไฮเทคซึ่งในฐานะตัวแทนภาคธุรกิจในประเทศไทย ผมคิดว่าไทยโฟกัสในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"

นายไนการ์ดมองว่า การที่รัฐบาลไทยวางนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตนั้น นอกจากจะเป็นการต่อยอดจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่ไทยมีอยู่แล้ว ยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับทิศทางที่เศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งหน้าไป สู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญ 3 ประการ คือ โลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิตอล และสังคมที่กำลังเปลี่ยนสู่สังคมสูงวัย

ทั้งนี้ หอการค้าอเมริกันพร้อมที่จะทำหน้าที่สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน โดยจะมุ่งเน้นในการทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการพูดคุยกับรัฐบาลไทย รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ในบางโอกาส สะท้อนความต้องการของธุรกิจสหรัฐฯ และธุรกิจต่างชาติในไทยที่ต้องการให้เปิดตลาดเสรี เข้าถึงตลาดและแรงงานได้อย่างเท่าเทียม ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการรวมตัวกันภายในภูมิภาค ต้องการให้มีการบังคับใช้นโยบายและกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาและต่อต้านคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเดินหน้าลงทุนด้านการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

นอกจากนี้ ทางหอการค้าพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) และภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีความอย่างยิ่งต่อการยกระดับเศรษฐกิจไทยที่เชื่อมโยงกับทั่วโลกต่อไปในอนาคต

"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยจะประสบความสำเร็จกับการก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความสำเร็จของไทยมีความสำคัญต่อภาคธุรกิจที่อยู่ภายในประเทศ ดังนั้นสมาชิกแอมแชมต้องการให้รัฐบาลประสบความสำเร็จกับนโยบายนี้" นายไนการ์ด กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,242 วันที่ 9 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2560