ที่นี่ไม่มีความลับ
โดย : เอราวัณ
ชี้แจงหรือแสดงสปิริต… ทางที่ น.1 ต้องเลือก อย่านิ่งเฉย!
"พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" สุภาษิตนี้คงจะใช้ได้สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่อยากออกมาพูดอะไร แต่สำหรับบุคคลสาธารณะคงใช้ไม่ได้ผล เพราะการนิ่งเฉยไม่ได้ช่วยให้ข้อกังขาที่สังคมมีต่อบุคคลนั้นหายไป
จำเป็นอย่างยิ่งที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะต้องทำข้อเท็จจริงในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่มีข้อกังขาให้กระจ่าง
หาก พล.ต.ท.ศานิตย์ ไม่ใช่บุคคลสาธารณะที่ต้องรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ที่ดำรงอยู่ คงจะไม่มีใครมาทวงถามความรับผิดชอบจากท่านแต่ประการใด "แต่นี่ไม่ใช่ !"
มาตรการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นหนึ่งในวิธีการที่ทำให้สาธารณะได้เอ็กซเรย์บุคคลที่เข้าสู่อำนาจ อะไรที่น่าเคลือบแคลงจะถูกตั้งคำถามจากสังคม
ความจริงถ้าพล.ต.ท.ศานิตย์ ไม่เข้ามาเป็น สนช. สังคมก็ไม่มีวันล่วงรู้ว่าท่านเป็นที่ปรึกษาบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ หรือเบียร์ช้าง (แม้จะมีการปฏิเสธภายหลังว่าลูกน้องลงบัญชีผิด) และไม่มีทางล่วงรู้ว่าตำรวจบางคนพกเงินสดเพื่อดูแลนายและลูกน้องถึงคราวละกว่า 3 ล้านบาท
ต้องขอบคุณการมีพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ทำให้มีโอกาสได้ล่วงรู้ข้อมูลเหล่านี้
ความรับผิดชอบของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มีอยู่เพียงสองทาง คือ 1.ชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างจนเป็นที่ยอมรับของสังคม หรือ 2.แสดงสปิริตด้วยการสละทิ้งในตำแหน่งที่ดำรงอยู่
ถ้าชี้แจงไม่ได้ไม่ควรรอให้ป.ป.ช.ชี้มูล หรือ "ฉีกปฏิทิน" รอเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน2560 นี้
ส่วน ป.ป.ช.ที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน ก็ไม่ควรนิ่งเฉยเมื่อมีการชี้เบาะแสการยื่นบัญชีทรัพย์สินอันน่าเคลือบแคลง ด้วยการรอให้ สนช.หมดวาระหรือผู้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเกษียณอายุราชการไปเอง
ป.ป.ช.ทั้ง 9 คนควรหยิบยกเรื่องนี้มาตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.ศานิตย์ และสังคม ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ผิดก็ชี้ออกมาผู้คนจะได้เลิกกังขาในตัวพล.ต.ท.ศานิตย์
ไม่ใช่ปล่อยไปเหมือน "ทองไม่รู้ร้อน"เหมือนการแจ้งเบาะแสอันครึกโครมหลายเรื่องที่ผ่านมา
ถ้าปล่อยไปมากขึ้นระวังสังคมจะบอกว่า "ไม่จำเป็นต้องมีป.ป.ช.ก็ได้มั๊ง" หรืออาจจะมีมือดีใบ้หวยให้ท่านด้วยเลข "157”
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ /หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3242 ระหว่างวันที่ 9-11 มี.ค.2560