การบินไทยร่วม MOU กับแอร์บัสศึกษาการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

08 มี.ค. 2560 | 11:03 น.
วันนี้ (วันที่ 8 มีนาคม 2560) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (TG MRO Complex Development) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอร์บัส โดยมี นางอุษณีย์แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ และมิสเตอร์ฟาบริซเบรจิเย่ร์ ประธานบริษัท แอร์บัส ร่วมลงนาม โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเรือเอก ทวีชัย บุญอนันต์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือและนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทยฯ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ กล่าวว่า การบินไทยได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับแอร์บัสเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็น และร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (TG MRO Complex Development) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC หรือ EasternEconomic Corridor) พ.ศ.2560-2564 เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO หรือMaintenance,Repair and Overhaul) ที่ทันสมัยที่สุดของเอเชียแปซิฟิก ที่เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับสากล รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่จะให้บริการแก่สายการบินทั่วภูมิภาคและทั่วโลก เพื่อสร้างรายได้ให้กับการบินไทยและประเทศไทยอย่างยั่งยืน นำพาประเทศไทยไปสู่ Thailand 4.0 เป็นมหานครแห่งอนาคต Gateway to Asia

มิสเตอร์ฟาบริซ เบรจิเย่ร์ ประธานบริษัท แอร์บัส กล่าวว่า โครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการสำหรับการให้บริการในการบำรุงรักษาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนฝูงบินในภูมิภาคที่จะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าหรือกว่า 15,000 ลำ ในอีก 20 ปีข้างหน้า โครงการนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีแก่ประเทศไทยในการพัฒนาขอบเขตการให้บริการในภาคธุรกิจการบิน

ทั้งนี้ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่มีความทันสมัยและครอบคลุมการบริการด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ให้บริการตั้งแต่การซ่อมบำรุงย่อยไปถึงการซ่อมบำรุงใหญ่สำหรับเครื่องบินในหลากหลายประเภท โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุด มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการบำรุงรักษาเครื่องบิน รวมทั้งเทคนิคการตรวจสอบขั้นสูง นอกจากนี้ ยังมีโรงซ่อมอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงที่ผลิตช่างฝีมือและนายช่างอากาศยาน ตามมาตรฐานระดับสากล รองรับการขยายตัวของธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยานในอนาคต