เชนสโตร์ไอทีอนาคต ต้องปรับตัวตามผู้บริโภค

05 มี.ค. 2560 | 14:00 น.
TP07-3241-D พฤติกรรมของผู้บริโภคช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการอ่านรีวิวสินค้าไอที เปรียบเทียบสินค้า บนเว็บไซต์ และสั่งซื้อสินค้าไอทีผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเจ.ไอ.บี. มีการปรับธุรกิจให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยเราเป็นเชนค้าปลีกสินค้าไอที รายแรกที่เปิดช่องทางจำหน่ายสินค้าช่องทางออนไลน์ (www.jib.co.th) ควบคู่ไปกับการขยายสาขาไปยังพื้นที่ทำเลทองต่อเนื่อง โดยมองว่าในธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีนั้นช่องทางจำหน่ายถือเป็นหัวใจสำคัญ

โดยในช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์นั้นเรามียอดการเติบโตขึ้นทุกเดือนอย่างมีนัยยะสำคัญ ขณะเดียวกันเราได้พัฒนาระบบออมนิแชนเนล ที่ผสมผสานระหว่างช่องทางออฟไลน์ กับออนไลน์ โดยลูกค้าสามารถเดินไปที่ร้านสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ หรือสามารถสั่งซื้อออนไลน์ และเลือกไปรับสินค้า และจ่ายเงินที่สาขา โดยสามารถเลือกสาขาได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซื้อผ่านทางออนไลน์ และเลือกให้บริษัทจัดส่งสินค้าภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้

นอกจากการขยายช่องทางจำหน่ายแล้วยังต้องการฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่น ตลาดร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต โดยในไทยมีตัวเลขร้านให้บริการอินเตอร์เน็ตประมาณ 2 หมื่นแห่ง มีจำนวนคอมพิวเตอร์ให้บริการอยู่ 5-6 แสนเครื่อง มีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ปีละประมาณ 1.5 แสนเครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 3,000-4,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล

และยังได้เริ่มขยายตลาดไปยังกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน โดยคัดแยกฐานลูกค้าเอสเอ็มอีจากฐานลูกค้าทั้งหมดมาได้ 500 ราย พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์ขายตรงไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งการนำเสนอโปรโมชัน โซลูชัน การให้เครดิตการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ 1 เดือน และมีแคมเปญสะสมแต้มเพื่อแลกสินค้า หรือ ส่วนลดสินค้าและบริการ

ในอนาคตมองว่า เจ.ไอ.บี. จะไม่ใช้ร้านที่จำหน่ายเฉพาะคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และผู้บริโภค ซึ่งเราจะต้องเป็นร้านที่ขายทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และโซลูชั่น อาทิ โซลูชันสมาร์ทโฮม ที่ใช้อุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ในการควบคุมอุปกรณ์ไอโอทีต่างๆ ภายในบ้าน นั่นคือโอกาสสร้างให้ธุรกิจสู่ความยั่งยืน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,241 วันที่ 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2560