หอการค้าฯชี้นโยบายทรัมป์มีผลทั้งทางตรงและทางอ้อมกับส่งออกไทย

28 ก.พ. 2560 | 13:21 น.
นายอัทธ์ พิศาลวานิช  ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  กล่าวว่า จากนโยบายของ โดนัลด์  ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ประกาศออกมานั้น โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายการค้า หอการค้าฯมองไว้  3 ประเด็นหลักหลักๆ ที่จะมีผลกระทบกับไทย คือ การขึ้นภาษีสินค้าจีน 45%  ,การยกเลิกการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือทีพีพี และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่จะมีผลให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น โดยนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม  เช่น การที่สินค้าจีนอาจถูกสหรัฐฯเก็บภาษีเพิ่ม45% อาจทำให้จีนนำเข้าวัตถุดิบจากไทยลดลงเพราะสินค้าของจีนหลายรายการที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากไทย แต่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกสินค้าในกลุ่มที่จีนผลิตแล้วส่งออกไปไม่ได้เช่นกัน  รวมไปถึงการที่ทรัมป์ยกเลิกการเข้าร่วมทีพีพี ก็จะทำให้ไทยได้เปรียบการค้ามากขึ้น เพราะทุกประเทศจะมีสิทธิเท่าเทียมกันทางการค้า เป็นต้น

สินค้าที่จะเป็นโอกาสของไทยในการส่งออก เช่น  อุปกรณ์ไฟฟ้า  ส่วนประกอบของโทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร  อุปกรณ์ทางทัศนศาสตร์เลนส์ กล้อง  เคมีภัรฑ์ เหล็ก หรือ เหล็กกล้า  เครื่องหนัง  และสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป  เช่น ผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง ผักและผลไม้แปรรูป เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากนโยบายการค้าของ ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มภาษีนำเข้าจีน  การทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่า หรือการส่งออกของญี่ปุ่นไปสหรัฐเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการยกเลิกการเข้าร่วมทีพีพี  เมื่อรวมกันแล้วจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 2,582 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกันไทยและอาเซียนควรเร่งผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรือRCEPและไทยควรทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯตลอดจนเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีและต้องมีการเฝ้าระวังเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ที่ผันผวนมากขึ้นด้วย