สมาคมธนาคารไทยหนุนคนไทยมีวินัยการเงิน

28 ก.พ. 2560 | 11:30 น.
สมาคมธนาคารไทยเผยแผน 5 ปียกระดับทักษะทางการเงินคนไทยเทียบชั้นฮ่องกง-เกาหลีใต้  ผ่านสาขาเครือข่ายแบงก์และสื่อออนไลน์ให้ความรู้เจนวาย-วัยทำงาน-เกษียณอายุ ชูแคมเปญแรก “เทรนหนี้” มีวินัยมากขึ้น

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงถึงการดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ซึ่งสมาคมฯได้ร่วมกันกำหนดทิศทางแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมธนาคารมาตั้งแต่ปี 2557 ครอบคลุม 5 ด้านที่สำคัญด้วยกัน ได้แก่ 1.การสร้างระบบชำระเงินและธนาคารดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน National E-payment ของรัฐบาล  2. การสร้างสังคมทางการเงินด้วย การยกระดับมาตรฐานจรรยาบรรณธนาคาร และส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคประชาชน (Financial Literacy) 3. การสนับสนุนการทำธุรกรรมการเงินในภูมิภาคให้สะดวกต่อการทำธุรกิจ   4. การเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชนทุกภาคส่วน และ 5.การผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่เป็นอุปสรรค ล้าสมัย หรือยังไม่มีกฎหมายสนับสนุนเพียงพอ โดยทางสมาคมฯมีเป้าหมายที่มุ่งเน้นที่จะสร้างระบบธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว อันจะส่งผลต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจากความร่วมมือจากธนาคารสมาชิกทั้งหมด

ด้านการส่งเสริมการให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคประชาชน (Financial Literacy) นับเป็นพันธกิจหลักอย่างหนึ่งของสมาคมฯตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่มุ่งเน้นสร้างสังคมทางการเงินของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คณะทำงานในด้านนี้นำโดยคุณบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีทิศทางการทำงานที่เน้นการปรับเปลี่ยนทัศนคติของประชาชนในเรื่องวินัยทางการเงิน ผ่านการให้ความรู้ที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้อย่างแพร่หลาย เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการวัดระดับทักษะทางการเงินขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาหรือ OECD ซึ่งทำการสำรวจกลุ่มประเทศทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนารวมทั้งสิ้น 30 ประเทศเมื่อปี 2557-2558  ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 17 ด้วยคะแนน 12.8 จากคะแนนเต็ม 21 ซึ่งเป็นระดับที่ยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 13.2 แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าฮ่องกงและประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 และ 7 ตามลำดับ

“ สมาคมมีโครงการให้ความรู้ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายทั้ง 3กลุ่มคือ วัยเด็ก วัยทำงานและวัยเกษียณ โดยคาดหวังภายใน 5ปีจะยกระดับทักษะทางการเงินเป็นอันดับที่ 5 หรือ 6ซึ่งใกล้เคียงฮ่องกงและเกาหลีใต้”

ดังนั้น แผนงานที่สมาคมฯจะดำเนินการประกอบไปด้วยการใช้เครือข่ายสาขาของธนาคารที่มีอยู่กว่า 7,000 แห่งเป็นตัวขับเคลื่อนให้เข้าถึงชุมชนในแต่ละภูมิภาค โดยใช้เนื้อหาความรู้ทางการเงินที่หน่วยงานต่างๆได้ทำไว้ มาปรับให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายเพื่อจะสร้างองค์ความรู้ที่เป็นมาตรฐาน (Standardized Content) แล้วจัดทำเป็นสื่อการเรียนรู้ผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อสร้างศูนย์รวมความรู้ทางการเงินทางออนไลน์ซึ่งสามารถเผยแพร่ไปสู่ทุกภาคส่วนได้ง่ายขึ้นและขยายการรับรู้เป็นวงกว้าง นอกจากนี้ สมาคมฯมีบุคลากรที่มีความรู้ในเรื่องการเงินอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมที่จะฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ทางการเงินให้กับชุมชน

ด้าน นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายวางแผนและงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า แผนงานดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ 3ปีของธปท.ที่ต้องการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับประชาชนในวงกว้างทุกช่วงวัยเพื่อให้เป็นสังคมนิเวศน์เดียวกัน แม้ในบริบทประเทศไทยอาจไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้แต่เป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับสังคมที่มีคุณค่าในระยะยาว  เพราะโจทย์ยากคือ จะทำอย่างไรจะสร้างวินัยเจนวายให้เกิดความรู้ความเข้าใจทางการเงินและเห็นประโยชน์การออมโดยการสานพลังจากจุดแข็งแต่ละองค์กรที่มีอยู่แล้ว และเป็นการแก้ไขและป้องกันปัญหาหนี้ครัวเรือน

นายวีระพล บดีรัฐ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ “เทรนหนี้”  เน้นการสร้างความตระหนักของสังคมในประเด็นการบริหารจัดการหนี้และการมีวินัยในการใช้จ่าย มีสโลแกนสั้นๆจดจำง่ายว่า “ให้ภาระผ่อนหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน” ซึ่งภาระหนี้ที่มีอยู่ในระบบการเงินปัจจุบันส่วนใหญ่มีสัดส่วน 20-30%โดยไม่เกิน 40%ของรายได้(ไม่รวมหนี้นอกระบบ)เพียงแต่สัดส่วนหนี้ในระบบยังทยอยเพิ่มเกิน 30%เช่นเดียวกันภาระหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่อยู่ในระดับ 80%แม้แนวโน้มไม่ปรับเพิ่มแต่ก็ยังไม่ปรับลดลงเช่นกัน ทั้งนี้สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซด์ เทรนหนี้.คอม