รัฐบาลดึงซีอีโอโลกร่วมขับเคลื่อน “ประเทศไทย 4.0”

16 ก.พ. 2560 | 07:45 น.
รองนายกฯ“สมคิด” เผย 34 ซีอีโอบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก ร่วมเสนอความเห็นเพื่อขับเคลื่อน “ประเทศไทย 4.0” ถือเป็นข้อเสนอที่มีค่าอย่างมาก เพราะมาจากมุมมองของผู้นำภาคธุรกิจในเวทีโลก ด้านบีโอไอพร้อมรับคำแนะนำมาจัดทำแผนชักจูงการลงทุนและการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน หวังช่วยดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุสาหกรรมแห่งอนาคตจากต่างประเทศ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (Honorary Investment Advisor: HIA) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศทั่วโลกเข้าร่วม 34 ราย ว่า ประเทศไทยกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อก้าวไปสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0” จึงจำเป็นที่จะต้องรับฟังความเห็นและข้อเสนอจากผู้นำภาคธุรกิจซึ่งมีประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจในเวทีโลก ดังนั้น ความเห็นของบรรดาซีอีโอจะมีส่วนช่วยสร้างอนาคตของประเทศไทยไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” ได้อย่างแน่นอน

สำหรับข้อเสนอและความเห็นจากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนที่มีต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ “Thailand 4.0” นั้น ประเด็นหลักก็คือ การพัฒนาคน ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่าง ประเทศไทยควรมีพันธมิตรหรือหุ้นส่วนในการพัฒนาคน หลายบริษัทเห็นว่า บุคลากรไทยมีทักษะพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องเพิ่มทักษะขั้นสูง จะช่วยให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ 4.0 ได้ ทั้งนี้ หลายบริษัทมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในการพัฒนาคน ทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และเอสเอ็มอี หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ นิว สตาร์ทอัพ ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าความร่วมมือกับภาคเอกชนจะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาบุคลากร

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอในการสร้างสภาพแวดล้อมที่จะสนับสนุนการลงทุน รวมทั้งการสร้างนวัตกรรม เช่น สนับสนุนให้มีการเร่งนำผลการวิจัย หรือต้นแบบผลิตภัณฑ์มาพัฒนาต่อยอดให้ไปสู่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และควรมีการให้ความรู้แก่ประชาชนในระดับท้องถิ่นในเรื่องการใช้ประโยชน์จากสื่อดิจิทัล ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แสดงความชื่นชมที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและจริงจังในการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่จะเอื้อต่อการลงทุน

ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอจะนำมาประกอบการจัดทำแผนส่งเสริมการลงทุนให้สามารถผลักดันให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่   ซึ่งที่ผ่านมา บีโอไอก็ได้รับคำปรึกษาเชิงกลยุทธ์จาก HIA และได้รับความร่วมมือจาก HIA ในการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน และในครั้งนี้บีโอไอมั่นใจว่า HIA จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยดึงดูดบริษัทหรือโครงการลงทุนที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น

สำหรับ HIA ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ มีจำนวนรวม 34 คน จากบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมต่างๆ จากหลายภูมิภาค ที่ได้ลงทุนในประเทศไทย รวม 14 ประเทศ แบ่งเป็นอุตสาหกรรม   ยานยนต์/ชิ้นส่วน/ยางยานพาหนะ 10 บริษัท เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน 9 บริษัท ชิ้นส่วนโลหะและเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 4 บริษัท เคมีภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4 บริษัท อาหาร/เกษตร/เกษตรแปรรูป 4 บริษัท อุปกรณ์ทางการแพทย์ 2 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทจากยุโรป 10 บริษัท ได้แก่ BMW, Ducati, Essilor, Evonik, Triumph Motorcycle, Bayer AG, Robert Bosch, Daneili, Corbion (Purac), Electrolux  จากสหรัฐอเมริกา 6 บริษัท ได้แก่ Cargill, Fabrinet, Mars, Seagate Technology, Western Digital Corporation และ Ford Motor

จากประเทศญี่ปุ่น 11 บริษัท ได้แก่ Ajinomoto, Fujikura, Minebea Co., Ltd,  Nissan Motor, Toyota Motor Corporation, Sony Corporation, Bridgestone Corporation, Hoya Corporation, IHI Corporation, Kubota, Mitsubishi Motors Corporation. จากประเทศจีน ได้แก่ Huawei Technologies Co. Ltd จากประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ Posco จากอินเดียได้แก่ Indorama Ventures Public จากไต้หวัน ได้แก่ Cal-Comp Electronics, Namchow Group  และจากประเทศออสเตรเลีย BlueScope Steel Limited

ที่ผ่านมา บีโอไอได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (HIA) จำนวน 40 คน           โดยคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศและการลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างดี เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การชักจูงการลงทุน ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนักลงทุนที่มีศักยภาพจะมาลงทุนในไทย และให้ความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรมชักจูงการลงทุนของบีโอไอ เช่น เข้าร่วมบรรยายในงานสัมมนาใหญ่ที่บีโอไอจัดขึ้นในประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ HIA เปรียบเสมือน “Business Ambassador” ช่วยเผยแพร่ภาพลักษณ์ด้านการลงทุนที่ดีของไทยต่อนักธุรกิจทั่วโลกอีกด้วย