​ไทย-อิสราเอลร่วมผลักดันการค้าสู่เป้า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2563

15 ก.พ. 2560 | 04:28 น.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยและอิสราเอลมีความสัมพันธ์กันมายาวนานกว่า 60 ปี ในการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลในครั้งนี้ ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะสานต่อและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งโครงสร้างทางการค้าของทั้งสองประเทศเป็นไปในลักษณะเกื้อกูลกันมากกว่าแข่งขัน โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ สินค้าเกษตร รวมทั้งข้าวให้อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลเป็นแหล่งนำเข้าอัญมณี เพชร และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ของไทย ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อผลักดันกิจกรรมทางการค้าเพื่อให้บรรลุเป้าการค้าที่กำหนดไว้ที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 อาทิ การแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้า รวมถึงการเร่งตรวจสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ซึ่งไทยสนใจที่จะส่งสับปะรด มังคุด และลำไยไปยังอิสราเอล และอิสราเอลสนใจที่จะส่งอินทผาลัม ทับทิม และพลับ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้เร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้สินค้าเกษตรสามารถส่งออกไปได้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าต่างๆ อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนโดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมอนาคต การพัฒนาและการวิจัย (R&D) ที่อิสราเอลมีความเชี่ยวชาญและสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

S__112558114

นางอภิรดี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความพร้อมที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ครั้งที่ 2 ภายในครึ่งปีหลังของปี 2560 ณ รัฐอิสราเอล นอกจากนี้ อิสราเอลได้ผลักดันให้ไทยจัดทำ FTA กับอิสราเอล โดยเห็นว่าจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขยายการค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ไทยจะต้องพิจารณาประโยชน์และผลกระทบให้รอบด้าน ทั้งนี้ ไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำ FTA ไทย - อิสราเอล โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นกลางปีนี้

ปัจจุบัน อิสราเอลเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 5 ของไทยในกลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของอิสราเอลในภูมิภาคอาเซียน (รองจากเวียดนามและมาเลเซีย) การค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล

ในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา (2555 - 2559) มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 1,180 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด ในปี 2559 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,070 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3 จากปี 2559 สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในอิสราเอล ได้แก่ สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าข้าว อาหาร สินค้าอุปโภค บริโภคต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ ของประดับบ้าน สาขาที่ไทยมีศักยภาพเข้าไปลงทุน ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร การผลิตอาหารโครเชอร์

ปัจจุบันอิสราเอลได้จัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ แล้วกับสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) แคนาดา ตุรกี เม็กซิโก ตลาดร่วมอเมริกาตอนใต้ (MERCOSUR) จอร์แดน โคลัมเบีย และปานามา นอกจากนี้ อิสราเอลยังอยู่ระหว่างการเจรจา FTA กับอินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ และยูเครน และอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมถึงความเป็นไปได้ (Joint Study) ในการจัดทำ FTA กับสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจ Eurasia (รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์มาเนีย และคีร์กีซสถาน)