นายสัตวแพทย์พศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากได้หารือกับกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 7 ราย ได้แก่ ซีพีเอฟ เบทาโกร เซนทาโก สหฟาร์ม แหลมทองโพลทรี บางกอกแร้นซ์ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรนครราชสีมา ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรจะผลักดันให้นครราชสีมาเป็นจังหวัดนำร่องในการสร้างอาหารปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม และให้เป็นตัวอย่างการบูรณาการร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในการพัฒนามาตรฐานการผลิตสัตว์สู่สากล โดยเฉพาะการควบคุมและเฝ้าระวังยาตกค้างในเนื้อสัตว์ ทั้งก่อนและหลังการชำแหละ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ทั้งแก่ผู้บริโภคชาวโคราชและผู้บริโภคทั่วประเทศ ว่าจะได้รับสินค้าเนื้อสัตว์ปลอดภัยอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาปศุสัตว์จังหวัดมีการติดตามเฝ้าระวังเรื่องการใช้ยาในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ให้มีมาตรฐานมาตลอด ด้วยการตรวจสารเร่งเนื้อแดงและยาสัตว์ตกค้าง ตามนโยบายของกรมปศุสัตว์ พบว่าตลอดปี 2559 ไม่พบการกระทำผิดทั้งการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชวีนะตกค้างในเนื้อสัตว์เลย
ด้าน น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการด้านมาตรฐานการผลิตสัตว์ปีก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาการผลิตสัตว์ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน ที่ต้องมีความปลอดภัย ปลอดสารตกค้าง และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอน มุ่งเน้นหลักสวัสดิภาพสัตว์ หรือ Animal Welfare ทั้งการดูแลเลี้ยงสัตว์ภายในโรงเรือนที่ทันสมัย มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวด ทำให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรงเติบโตดี จึงมีความเสี่ยงในการใช้ยาปฏิชีวนะน้อย โดยซีพีเอฟมีข้อกำหนดในการใช้ยาเฉพาะที่จำเป็น เมื่อสัตว์เกิดปัญหาสุขภาพหรือมีการเจ็บป่วย เพื่อการรักษาให้หายจากอาการป่วยเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ไม่ให้สัตว์ต้องทุกข์ทรมาน โดยทุกครั้งสัตวแพทย์จะเป็นผู้สั่งจ่ายยาและควบคุมการใช้ยาอย่างใกล้ชิด และต้องมีระยะหยุดยาตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างเคร่งครัด การร่วมบันทึกความมุ่งมั่นฯ ในครั้งนี้จึงสอดคล้องกับสิ่งที่บริษัทได้ดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว ซีพีเอฟจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับภาครัฐและเพื่อนผู้ประกอบการทุกบริษัท ในการมุ่งมั่นนำแนวปฏิบัติในการผลิตปศุสัตว์ปลอดภัยไร้สารตกค้างไปดำเนินการต่อไป