ฟิตเนสชิงแชร์หมื่นล. ปูพรมขยายสาขา บริการใหม่ดึงลูกค้า

10 ก.พ. 2560 | 06:00 น.
ฟิตเนสเชนไทย-เทศ เดินหน้าปูพรมขยายสาขา ชิงตลาดมูลค่า 1 หมื่นล้าน รับเทรนด์ผู้บริโภคหันมาใส่ใจออกกำลังกาย ส่งผลดีมานต์พุ่ง ขณะที่ซัพพลายยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

มูลค่าตลาดฟิตเนสที่คาดว่าจะทะยานพุ่งสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ด้วยการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยได้แรงสนับสนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น และค่ารักษาพยาบาลที่มีราคาสูง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนต้องหันมาดูแลตนเอง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษา ตลาดฟิตเนสจึงได้รับอานิสงค์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคดังกล่าว และใช้เป็นโอกาสทางการตลาดในการดำเนินธุรกิจ ขยายสาขาเพื่อรองรับกับปริมาณความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีฟิตเนสทั้งแบรนด์จากต่างชาติและแบรนด์ไทยที่ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

แบรนด์เวอร์จิ้นแอคทีฟ จากประเทศอังกฤษประกาศว่าจะขยายสาขาในประเทศไทยให้ได้ครบ 20 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5 แห่ง ขณะที่แบรนด์ฟิตเนสเฟิร์สที่ถือว่ามีสาขามากที่สุด ก็ยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยปัจจุบันมีสาขา 28 แห่ง ในปีนี้ขยายเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 แห่ง ส่วนแบรนด์จาโตมิ เชนฟิตเนสจากยุโรป ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจว่าจะขยายสาขาให้ครบ 10 แห่งภายในระยะ 3 ปี ตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในปี 2558 จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง นอกจากนี้ ยังพบว่ามีฟิตเนสที่เป็นแบรนด์ของคนไทยที่เข้ามาในตลาด รวมถึงแบรนด์ฟิตเนสที่เป็นรูปแบบผู้ประกอบการเพียงรายเดียว เปิดให้บริการตามแหล่งชุมชนต่างๆ รวมถึงโรงแรมชั้นนำก็เปิดให้บริการฟิตเนสด้วย

[caption id="attachment_129260" align="aligncenter" width="503"] อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟิตเนสเฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด อรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟิตเนสเฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด[/caption]

นางอรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟิตเนสเฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายในสิ้นปีนี้จะเปิดให้บริการสาขาที่ 29 ที่เซ็นทรัล พระราม 2 จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งหมด 28 แห่ง โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมั่นใจตลาดฟิตเนสไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสรักสุขภาพที่มาแรงในทุกเพศทุกวัย ไม่เฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพเท่านั้น หากวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดฟิตเนสในประเทศไทย ยังพบว่ามีซัพพลายไม่เพียงพอกับดีมานด์ของคนไทย ทำให้ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 5-10%

"พฤติกรรมการออกกำลังกายถ้าเทียบจากหลายปีก่อน มีความเปลี่ยนแปลงมาก จากเมื่อก่อนคนหนึ่งคนมักจะชอบออกกำลังกายแบบซ้ำๆ เช่น ถ้าชอบวิ่งก็จะวิ่งอย่างเดียว ชอบเข้าฟิตเนสก็จะเข้าฟิตเนสอย่างเดียว แต่ทุกวันนี้กิจกรรมเพื่อสุขภาพมีหลากหลายมากขึ้น ตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย คล่องตัว บางคนเสาร์อาทิตย์อาจจะชอบไปวิ่งในสวน ไปตีเทนนิส ส่วนวันธรรมดาสะดวกที่เข้าฟิตเนสมากกว่าเพราะใกล้ที่ทำงาน เป็นต้น และผู้บริโภคเองก็ชอบที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ และมีความรู้มากขึ้นจากการเข้าถึงข้อมูลต่างๆทางอินเตอร์เน็ต"

สำหรับแนวทางการทำตลาดของฟิตเนสเฟิร์สยังเน้นกลยุทธ์ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง เพิ่มมากขึ้น ผ่านกิจกรรมทุกรูปแบบ ทั้งการสร้างยอดขาย การเพิ่มจำนวนสมาชิก รวมถึงการต่อยอดคอนเทนต์ด้านสุขภาพและกีฬา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภค รวมถึงสมาชิกของฟิตเนสเฟิร์ส ที่ปัจจุบันมีกว่า 7.8 หมื่นคน ส่วนสถานการณ์การแข่งขันจากการมีผู้ประกอบการหลายรายนั้น ไม่ได้รุนแรงมากนัก เพราะแต่ละแบรนด์ไม่ได้แข่งขันกัน แต่เป็นการแข่งกับตัวเองเพื่อดึงดูดลูกค้า จึงต้องพัฒนารูปแบบและกิจกรรม รวมถึงเทรนด์การออกกำลังกาย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการออกำลังกายให้กับสมาชิกของตนเอง

ขณะที่ "เวอร์จิ้นแอ็คทีฟ" แบรนด์ดังระดับโลก ก็ยังคงประกาศเดินหน้าลงทุนอย่างหนัก โดยนายคริสเตียน เมสัน กรรมการผู้จัดการ เวอร์จิ้นแอ็คทีฟ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ได้ประกาศแผนลงทุนไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ได้ครบ 20 แห่ง ซึ่งในปีนี้เตรียมเปิด 2-3 แห่งจากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 5 แห่ง ซึ่งสาขาล่าสุดเปิดให้บริการที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอีสต์วิวส์ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 1.5 หมื่นคน คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นคน

โอกาสทางการตลาดของธุรกิจฟิตเนสในประเทศไทยนั้น มองว่าเป็นเพราะปัจจุบันคนหันมาให้ความสนใจในการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การออกกำลังกายของคนไทยยังถือว่ามีอัตราที่ต่ำ โดยอัตราส่วนการออกกำลังกายในฟิตเนสต่อจำนวนประชากรจะพบว่า คนไทยมีสัดส่วนไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับคนสิงคโปร์ที่มีสัดส่วน 7% ออสเตรเลียมีสัดส่วน 15% อังกฤษมีสัดส่วน 20% และอเมริกามีสัดส่วน 25%

ด้านการทำตลาดจะมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับสมาชิก ด้วยบริการการออกกำลังกายในคลาสต่างๆ รวมถึงการเปิดให้บริการโปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กอายุ 7-15 ปีได้ออกกำลังกาย และยังมีโปรแกรมการเรียนว่ายน้ำที่ได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ ภายในฟิตเนส ยังให้อำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก อาทิ สัญญาไวไฟ อุปกรณ์ไอแพด การบริการชาร์ตอุปกรณ์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำจากปัญญ์ปุริ เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,234 วันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2560