กรมควบคุมโรคเตือนช่วงน้ำลดระวังป่วยโรคฉี่หนู

30 ม.ค. 2560 | 09:22 น.
กรมควบคุมโรค  เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่น้ำเริ่มลดลงต้องระวังป่วยด้วยโรคฉี่หนู โดยเฉพาะการเดินลุยน้ำย่ำโคลน  ถ้ามีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อย่าซื้อยากินเอง เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ขอให้ไปพบแพทย์โดยเร็วและแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย  หากจำเป็นต้องเดินลุยควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำหรือดินโดยตรง

วันนี้(30 มกราคม 2560) นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข  อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ในช่วงน้ำลดนี้ประชาชนต้องระมัดระวังโรคฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรสิส เนื่องจากสภาพพื้นดินในบริเวณที่พักอาศัยหรือทางเดินชื้นแฉะ เป็นแอ่งน้ำขัง โดยเชื้ออาจอยู่ตามบริเวณดังกล่าวได้ เชื้อโรคชนิดนี้จะสามารถเข้าทางบาดแผล หรือตามรอยถลอก รวมถึงผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานานได้

จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 - 27 มกราคม 2560 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูในพื้นที่ภาคใต้แล้ว 126 คน เสียชีวิต 1 ราย และอยู่ระหว่างรอผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการอีก 2 ราย ที่จ.ตรัง และจ.กระบี่

สำหรับอาการของโรคฉี่หนู  จะเริ่มจากมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะที่น่องและโคนขาจะปวดมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง เป็นต้น  หากมีอาการที่กล่าวมา  ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าซื้อยามากินเอง เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อการรักษาได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว เพราะหากรักษาล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ไตวาย ตับวาย เลือดออกในปอด อาจทำให้เสียชีวิตได้

นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ขอแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคฉี่หนู โดยเฉพาะประชาชนในภาคใต้ ดังนี้ 1.ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเดินลุยควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่  เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำหรือดินโดยตรง  2.ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจมีแผลที่เท้าและไม่รู้สึกเจ็บ มีโอกาสเสี่ยงติดโรคสูง  3.หากมีบาดแผลที่เท้าหรือที่บริเวณขา ขอให้ใช้ถุงพลาสติกหรือวัสดุที่กันน้ำได้ ห่อหุ้มขาและเท้าเพื่อป้องกันน้ำเปียกแผล การใช้เพียงพลาสเตอร์ปิดแผลไม่สามารถกันน้ำได้ 100 %  4.หมั่นล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงาน  และ 5.การเข้าบ้านหลังน้ำลด ต้องกำจัดขยะในบ้านเรือน สถานที่ทำงานให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนูได้

“นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันควบคุมไม่ให้เกิดโรคติดต่อระบาดในช่วงน้ำลด  และส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประสบภัยร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังโรค ให้ความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันโรคแก่ประชาชน หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นายแพทย์เจษฎา กล่าวปิดท้าย