“ธปท.” เบรก! เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ CHOW ใช้หนี้บี/อี

25 ม.ค. 2560 | 08:46 น.
วันที่ 25 ม.ค.60 แบงก์ชาติต่อสายถึง “เอ็กซิมแบงก์” เบรกปล่อยกู้ “เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” หรือ CHOW เพื่อใช้หนี้ตั๋วบี/อี ด้านผู้บริหารเอ็กซิมแบงก์ยันวงเงินกู้ 3,300 ล้านบาท ไม่เกี่ยวกับบี/อี ทั้งทางตรงและอ้อมแน่นอน เผยกำลังงงกับผู้บริหาร CHOW เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ ย้ำวงเงินกู้สำหรับโซลาร์ฟาร์ม ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการส่งออกและน้ำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ เอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยวานนี้ (24  ม.ค.) ว่า ทางผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามกับผู้บริหารของเอ็กซิมแบงก์เกี่ยวกับการอนุมัติวงเงินกู้ 3,300 ล้านบาทให้กับ บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน)  หรือ CHOW ว่า รายละเอียดเป็นอย่างไร และวงเงินก้อนดังกล่าว เพื่อให้ CHOW ใช้หนี้ตั๋วบี/อี จริงหรือไม่

 

ทั้งนี้ ทางผู้บริหารของเอ็กซิมแบงก์ จึงชี้แจงกลับไปว่า ทางผู้บริหารของ CHOW อาจจะเข้าใจอะไรผิด หรือส่งสารผิด หรือว่าทางผู้รับสารฟังมาผิด โดยได้มีการชี้แจงกลับไปว่า ไม่ใช่วงเงินสำหรับการชำระหนี้ตั๋วบี/อี และเรื่องนี้จะมีการสอบถามไปยังผู้บริหารของ CHOW อีกครั้ง

“ยืนยันว่า วงเงินที่อนุมัติ 3,300 ล้านบาทไม่เกี่ยวกับการใช้หนี้ตั๋วบี/อี แน่นอน ไม่ได้เกี่ยวกับบี/อี ไม่ว่ากรณีใดๆ ซึ่งวงเงินนี้ใช้สำหรับการก่อสร้างโซลาร์ฟาร์ม ประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น และเราก็พิจารณาแล้วว่า คุณสมบัติของ CHOW ในด้านการขอวงเงินนั้นเข้าหลักเกณฑ์ของธนาคารฯ” แหล่งข่าว กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้บริหารของ CHOW ระบุก่อนหน้านี้ ทาง CHOW ได้มีการออกตั๋วบี/อี มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น จะนำวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากเอ็กซิมแบงก์มาใช้หนี้ตั๋วบี/อี ดังกล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวจากเอ็กซิมแบงก์ ยืนยันอีกครั้งว่า วงเงินกู้หนี้ไม่เกี่ยวกับตั๋วบี/อี ของ CHOW อย่างแน่นอน

 

อนึ่ง สำหรับ การออกตั๋วบี/อี ของ CHOW ในครั้งนี้ มี บลจ.โซลาริส และ บลจ.แอสเซทพลัส เป็นฝ่ายที่รับไป โดยระยะเวลาที่ครบกำหนดชำระหนี้นั้นจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม 60

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ความสามารถในการชำระหนี้ของ CHOW ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะเมื่อวัดจากกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน รอบ 9 เดือนแรกปี 2559 ติดลบอยู่ 1,107,161,504 ล้านบาท โดยพบว่าปัจจัยกดดันหลักต่อกระแสเงินสดประเภทดังกล่าวอยู่ที่ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น

ซึ่งในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2559 พบว่า มียอดหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นสูงถึง 1,354,263,426 ล้านบาท ปรับตัวสูงจากงวดทั้งปี 2558 อย่างมีนัยสำคัญกว่า 66.33% ซึ่งเคยมีอยู่เพียง 814,195,543 ล้านบาท

ดังนั้น การที่ CHOW เป็นบริษัทที่ปัจจุบันมีหนี้อยู่สูงถึง 9,928,.43 ล้านบาท ด้วยอัตราส่วนหนี้สินค้าทุนที่ระดับ 7.27 เท่า ย่อมหมายถึงบริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่สูงมาก และเมื่อประกอบตัวเลขกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีผลติดลบ รวมถึงยอดลูกหนี้การค้า และลูกหนี้อื่นที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ CHOW อาจเกิดการผิดนัดชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้รูปแบบต่างๆ จึงมีสูงขึ้น

ข้อมูลโดย : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น