ปรองดอง..จบไม่ได้ ถ้า “ทักษิณ” ยังไม่เลิก!

24 ม.ค. 2560 | 13:33 น.
|คอลัมน์"ทางเดียว ไม่เลี้ยวไปไหน" โดย...สนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม | หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 14 ฉบับวันที่ 26-28 มกราคม 2560

พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ำว่าการปรองดองไม่ใช่เป็นเดิมพันของ "คสช." และ "รัฐบาล" แต่เป็นเดิมพันของประชาชนทั้งประเทศ นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เป็น "วาระแห่งชาติ"

โพลจากดุสิตโพล ร้อยละ 82 หนุนให้ทุกฝ่ายมาเซ็น MOU ร้อยละ 76 วิงวอนขอทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ โพลนี้น่าจะพูดได้ว่าแทนความรู้สึกของคนไทยที่เบื่อหน่ายกับความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานนับ 10 ปี

หลังรัฐบาลประกาศเดินหน้าจริงจังเรื่อง "ปรองดอง" เสนอรูปธรรมแรกคือการเซ็น MOU แต่ปรากฏว่าบรรดานักเลือกตั้งไม่ว่าจากฝั่ง "ประชาธิปัตย์" หรือ "เพื่อไทย" ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทหาร" ต้องลงมา"MOU"ด้วย!!!

นายกษิต ภิรมย์ อดีตนักการทูตที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองสังกัด "ประชาธิปัตย์" เสนอด้วยความไร้เดียงสาทางการเมืองยิ่งว่าขอให้ "ทหาร" มาลงนามด้วยว่าจะไม่"รัฐประหาร"อีก!! ทั้งๆที่ความจริง"ประชาธิปัตย์"เองก็เป็นสาเหตุหนึ่งของ "การรัฐประหาร" ด้วย เพราะตอนที่เริ่มก่อการประท้วงครั้งล่าสุดจนเป็น "มวลมหาประชาชน "หรือ "กปปส." ก็เริ่มต้นจากคนใน"ประชาธิปัตย์"ที่เห็นว่าไม่สามารถสู้ในสภาฯได้ ถึงต้องออกมาสู้บนท้องถนน แล้วตอนนี้เป็นยังไง?? "กปปส."กับ"ประชาธิปัตย์"ก็เดินกันคนละทาง

ส่วน"เพื่อไทย"ไม่ต้องพูดเพราะ ถือว่า "ทหาร" เป็นคู่ขัดแย้งหลักทางการเมือง สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่"ทักษิณ ชินวัตร" สรุปและคนชักใย"เพื่อไทย" และ"นปช."ก็ถือเป็นข้อสรุปร่วมกันอยู่แล้วว่า "ทหาร" นั่นแหละคือศัตรูตัวจริง!!!หาใช่"ประชาธิปัตย์"ไม่

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ 1ใน 5 ของคณะกรรมการศึกษาและติดตามเรื่องการปรองดอง "เพื่อไทย" มีข้อสรุปที่น่าสนใจว่า "คสช. " น่าจะเข้าใจผิด และหลงตัวเอง เพราะสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา "ทหาร" ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ความขัดแย้งในสังคมขยายวงกว้างและซึมลึกมากขึ้น
จะเห็นได้จากตั้งแต่ปี 2549 ที่ทหารทำการ "รัฐประหาร" รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และในช่วงปี 2551 "ทหาร"ก็ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลเพื่อช่วยระงับยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยึดสนามบินและสถานที่ราชการ ซึ่งเข้าใจได้ว่าเพราะ "ทหาร" ยืนข้างม็อบ และแถมยังมีการบีบคั้นรัฐบาลให้"ลาออก" หลังการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

ต่อมาเมื่อปี 2552 "ทหาร"ก็ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ถัดมาอีกหนึ่งปีในปี 2553 "ทหาร" ก็นำกำลังเข้าสลายผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก มาในปี 2556 ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของ"กปปส."เพื่อล้มรัฐบาล"ทหาร"ก็ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเข้าข้างและช่วยเหลือม็อบและไม่ฟังคำสั่งจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จนเหตุการณ์บานปลาย แล้ว"ทหาร"ก็อ้างเหตุผลในการ"รัฐประหาร"อีกครั้ง

"ทักษิณ"และเครือข่ายสรุปว่า"ทหาร"คือ "ศัตรู"หลังไม่ใช่"ประชาธิปัตย์" หรือ"กปปส."หรือ"พธม".

ด้วยเหตุนี้"ทักษิณ"จึงประกาศ "สู้ไม่ถอย" ศักยภาพของ"เพื่อไทย"ทั้งหลายที่มีอยู่ในวันนี้ล้วนแต่มาจาก"ทักษิณ"ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของประชาชนหรือกำลังเงิน ที่สนับสนุน!!!

ไม่มี"ทักษิณ" คนเดียว พรรคการเมืองพรรคนี้ก็แตกกระจายไม่มีความหมายทางการเมืองอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ"นปช."ที่มีกำลังเคลื่อนไหวอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะคนชื่อ"ทักษิณ ชินวัตร"เช่นกัน
ดังนั้น”MOU"ที่จะเซ็นกัน ก็จะเป็นได้เพียงแค่ ความตั้งใจดีของ "คสช."เท่านั้น เพราะถ้า"ทักษิณ"ยังไม่เลิกคิดจะสู้อย่าหวังว่าการ"ปรองดอง"จะเกิดขึ้น!!

เว้นแต่ว่า"คนไทย"เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าความเลวร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนั้น "ทักษิณ"มีส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น แล้วเลิกสนับสนุน อีกด้านมาตรการทางกฎหมายก็ต้องดำเนินการอย่างเป็นจริงและเที่ยงธรรม กับผู้กระทำความผิดทุกฝ่าย!!!