L&H พลิกจับตลาด4ล้าน เล็งเพิ่มสัดส่วน88%หนียอดรีเจ็กต์บ้านราคาต่ำพุ่ง

23 ม.ค. 2560 | 03:00 น.
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ดิ้นหนียอดรีเจ็กต์กลุ่มราคาตํ่า 2 ล้านพุ่ง ส่วนแผนปีนี้ตั้งเป้าเปิด 12 โครงการ มูลค่า1.49 หมื่นล้าน โกยยอดขาย 2.6 หมื่นล้าน โฟกัสที่อยู่อาศัยราคาเกิน 4 ล้านบาท เล็งขยับสัดส่วนเป็น 88%

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2560 ว่าเตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยงบซื้อที่ดินประมาณ 7,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 4,000 ล้านบาทจะเป็นงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า ส่วนหนึ่งนำไปลงทุนก่อสร้างเทอร์มินอล 21 พัทยา และแผนปีนี้บริษัทจะเน้นการลงทุนในประเทศมากกว่าในต่างประเทศ เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทใช้งบลงทุนกับธุรกิจอสังหาฯ เพื่อการเช่าทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนสูงถึง 70% จากงบลงทุนทั้งหมด 1.4 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.49 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 9 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 7 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ในจำนวนนี้มี2โครงการเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในโครงการเดียวกันคือโครงการ Villaggioพระราม 2 และ Inizioปิ่นเกล้า วงแหวน

สำหรับเป้ายอดขายรวม 2.6 หมื่นล้านบาท จะมาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก 83% แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 73% ทาวน์เฮาส์ 9% และคอนโดมิเนียม 18% พร้อมกับเน้นสินค้าในกลุ่มระดับราคามากกว่า 4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% จากเป้ายอดขายรวม ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 ที่มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ประมาณ 84% เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สินภาครัวเรือนและการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ยังเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 25 ล้านบาท จากเดิมในปี 2557 มีสัดส่วนอยู่ที่ 9% สู่ 28% ในปี 2560 เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในการขอสินเชื่อและส่วนใหญ่ชำระเป็นเงินสด

"ยอดปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สืบเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินภาครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น จากเดิม 10% สู่ 20% ในปี 2559 ทำให้บริษัทต้องปรับแก้โดยการยื่นขอสินเชื่อหลายแบงก์พร้อมกัน และเก็บเงินดาวน์ในสัดส่วนที่สูงคือ 10-20% ส่งผลให้ในปี 2560 บริษัทจึงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการในระดับราคามากกว่า 4 ล้านบาทเป็นหลัก โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ล้านบาทต่อหน่วย"นายนพร กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,229 วันที่ 22 - 25 มกราคม 2560