วิพากษ์กรธ.แก้โจทย์ผิด ฝากสนช.รื้อกฎหมายลูก

25 ธ.ค. 2559 | 11:00 น.
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตกผลึกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง(ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง)โดยนำข้อคิดเห็นของประชาชนและภาคส่วนต่างๆมาประกอบการพิจารณาปรับแก้ในหลายประเด็น อาทิ การจดทะเบียนจัดตั้งพรรคที่กำหนดให้ต้องมี 500 คน สมาชิกบริจาคคนละ 2,000 บาท ไม่เกิน 5 แสนบาท เป็น บริจาคคนละ 1,000 บาท ไม่เกิน 3 แสนบาท รวมถึงประเด็นการกำหนดให้มีสมาชิกพรรค 2 หมื่นคนภายใน 4 ปี ก็ปรับแก้เป็น ให้มีสมาชิกพรรค 1 หมื่นคน ภายใน 4 ปี เป็นต้น

ต่อเรื่องนี้ในมุมมองของ2 พรรคการเมืองใหญ่ยังเห็นแย้งในหลายเรื่อง โดยนายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์แสดงความกังวลกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ต่อกรณีที่กรธ.ยังยึดหลักการเดิมใช้เงินเป็นตัวตั้งในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองว่า มิได้สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง เพราะการมีส่วนร่วมนั้น ผู้ที่สนใจหรือต้องการสนับสนุนพรรคนั้นๆสามารถทำได้หลายวิธี ผู้ที่พร้อมเรื่องเงินก็บริจาคเงิน ขณะที่บางคนลงแรง บางคนก็ใช้ความรู้ให้ความคิดเห็นให้ข้อเสนอแนะ เป็นต้น

“พรรคการเมือง จึงเป็นแหล่งรวมคนที่หลากหลาย ทั้งความรู้ ฐานะและความคิดเห็นต่างๆ แต่กรธ.ยังยึดหลักการเดิม ใช้เงินเป็นตัวตั้ง คิดจากความกลัวๆว่า จะกระทำผิดมองข้ามประเด็นต่างๆไป เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดมันก็ผิด”
ทั้งยังกำหนดว่า เมื่อมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแล้วยังเสียสิทธิในหลายๆเรื่อง ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆได้ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันนับวันสมาชิกมีแต่จะน้อยลงไป ดังนั้น แทนที่กรธ.จะสนับสนุนให้มีมากขึ้น สร้างแรงจูงใจ แต่กรธ.กำลังสร้างเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคสำคัญขึ้นมาใหม่

“การอ้างเหตุผลว่า การบริจาคหรือเสียค่าสมาชิกพรรคจะทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค มีปากมีเสียงนั้นจึงไม่เป็นความจริง เพราะเขาสามารถแสดงเป็นเจ้าของพรรคได้ในหลายรูปแบบ ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์และความรู้ความสามารถ”

นายธนา ยังฝากความหวังไว้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่จะชี้ชะตาร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองว่า อยากให้ สนช.ตั้งหลักให้ดี ของบางอย่างเป็นเรื่องของตรรกะ อย่าใช้อคติจนเกิดความกลัวมากจนเกินไป

ขณะที่ นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.ปี 2540 ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย ระบุถึงกรณีกรธ.ยังคงบทลงโทษประหารชีวิต กรณีการซื้อขายตำแหน่งรัฐมนตรีหรือเทียบเท่า หรือตำแหน่งที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติไว้ว่า บทลงโทษการซื้อขายตำแหน่งเป็นข้อหาที่ครอบจักรวาลและเป็นนามธรรมจับต้องได้ยาก ซึ่งง่ายต่อการถูกกล่าวหา และสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้งทำลาย หรือใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง รวมถึงการลดความน่าเชื่อถือของคู่แข่งขันได้เพราะขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจเพียงอย่างเดียว

การตรากฎหมายเช่นนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 คือ ขัดต่อหลักนิติธรรมแล้วยังเป็นการจำกัดเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ เพราะเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับและประชาชนรับรู้ถึงสาระสำคัญและบทกำหนดโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุแล้วคงไม่มีใครอยากมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแน่

และการที่ระบุไว้ในมาตรา 32 ว่า ภายใน 1 ปี พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน สาขาพรรคแต่ละสาขาต้องมีสมาชิกในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 500 คน และต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน ภายใน 4 ปีนั้น อยากถามว่า ฝันไปหรือไม่

เสียงสะท้อนต่าง ๆ เหล่านี้ของพรรคการเมือง จะถูก สนช.นำไปพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้บ้างหรือไม่ ต้องติดตามต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,221 วันที่ 25-28 ธันวาคม 2559