พาณิชย์ตั้งสถาบัน New Economy Academy (NEA) มุ่งสร้าง SMEs ยุคใหม่

21 ธ.ค. 2559 | 07:47 น.
กระทรวงพาณิชย์ จัดตั้ง New Economy Academy (NEA) สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ เพื่อรองรับเศรษฐกิจในอนาคต มุ่งสร้าง SMEs ยุคใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่การพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 โดยยกระดับการเข้าถึงองค์ความรู้ให้กระจายทั่วทั้งประเทศ สร้างเศรษฐกิจในชุมชนให้เข้มแข็งตั้งแต่ฐานรากเชื่อมไปสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลและการค้าออนไลน์

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “การจัดตั้งสถาบัน NEA นี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากความร่วมมือที่เรามีกับทางอาลีบาบากรุป ภายหลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก รัฐมนตรี ได้นำคณะผู้แทนไทยเยือนสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา ณ เมืองหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน    ในวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา และเราได้เรียนรู้โครงการที่เรียกว่า Rural Taobao ที่อาลีบาบาประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ในการเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการรายเล็กมากๆ ในชุมชนอันห่างไกลในหลายมณฑลของจีน ให้ทำการค้าออนไลน์ได้โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลและให้ความรู้เพื่อสร้างอาสาสมัครในชุมชนเป็นผู้ช่วยเกษตรกรอีกด้วย ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าสนใจมาก กระทรวงพาณิชย์จึงได้นำสิ่งที่เรียนรู้ มาศึกษาต่อ และนำแนวคิดมาประยุกต์ใช้กับทรัพยากรที่มีอยู่ของกระทรวงผนวกกับความร่วมมือกับพันธมิตรหลายหน่วยงาน จึงเป็นที่มาของ New Economy Academy (NEA) สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ นอกจากนั้น ทางอาลีบาบากรุปก็จะนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิคเชิงลึกการทำการค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันให้กับ SMEs ไทยอย่างครบวงจรเลยทีเดียว”

กระทรวงพาณิชย์มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างสถาบันที่เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs ให้สามารถทำธุรกิจในเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลและการค้ารูปแบบใหม่ๆ ให้เกิดความได้เปรียบ แข่งขันได้กับ SMEs ทั่วโลก เพราะวันนี้สนามการแข่งขันทางธุรกิจเปิดกว้างอย่างไร้พรมแดนจริงๆ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ อันดับแรก ได้แก่ การก่อตั้งสถาบัน NEA ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้แก่ SMEs ได้เรียนรู้ พัฒนา และฝึกฝนทักษะอย่างจริงจัง นอกจากนั้น จะจัดตั้ง Call Center เพื่อเป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาแก่ SMEs ในเชิงลึก

ในด้านที่สอง ได้แก่ การสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อเศรษฐกิจในอนาคต ประกอบด้วยหลักสูตรหลากหลายแบบ และหลายระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของ SMEs แต่ละราย ตัวอย่างหลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร New Economy ให้ความรู้ ความเข้าใจ และการใช้ประโยชน์จากนโยบาย Thailand 4.0 SME 4.0  Digital Economy ฯลฯ หลักสูตร Fundamental Business ให้ความรู้เพื่อสร้างแนวคิดในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจยุคใหม่บนพื้นฐานของนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี เน้นให้ความสำคัญต่อความต้องการของตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการในยุคดิจิทัล ส่งเสริมการรักษาผลประโยชน์ทางการค้าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และการขยายตลาดต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ หลักสูตรการ

ทำการค้าออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การค้า E-Commerce ในรูปแบบ B2C/B2B การค้า Cross Border Trade E-Commerce การทำการตลาดออนไลน์ การค้าผ่าน Social Media การใช้ Logistics เพื่อดำเนินธุรกิจและลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ ซึ่งหลักสูตรต่างๆ เหล่านี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน และหลากหลายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ที่พร้อมมาให้ความรู้ ตั้งแต่พื้นฐาน เจาะลึก ไปจนถึงภาคปฏิิบัติสอน SMEs ให้ลงมือทำจริง และที่สำคัญ องค์ความรู้เหล่านี้จะสร้างในรูปแบบที่ SMEs สามารถเข้าถึงได้ไม่เฉพาะการมาเรียนรู้ที่สถาบันโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีคอร์สที่เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน e-Learning และระบบการเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิทัลอื่นๆ

ด้านสุดท้าย ไม่เพียงแต่การจัดตั้งสถาบันและสร้างองค์ความรู้เพื่อ SMEs ในส่วนกลางเท่านั้น กระทรวงพาณิชย์ยังร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในการขยายสาขา NEA ให้ครอบคลุมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยเครือข่ายพันธมิตรครั้งนี้เรียกได้ว่า ผนึกกำลังทุกภาคส่วน อันได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ที่จะขยายสาขา NEA ไปยังศูนย์ Mini MOC 7 ภาค และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะขยายสาขา NEA ไปยังศูนย์ดิจิทัลชุมชน กระทรวงศึกษาธิการผ่านสถาบันการศึกษาต่างๆ ภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าความรู้จะถูกกระจาย ไปอย่างทั่วถึงแม้จะอยู่ในชุมชน

“การจัดตั้งสถาบัน NEA ตามนโยบายรัฐบาลนี้ กระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างผู้สอน (Train the trainer) เป็นนักปฏิวัติเศรษฐกิจยุคใหม่ให้ได้ 1,000 ราย เพื่อจะถ่ายทอดกระจายความรู้ไปยัง SMEs ทั่วประเทศจนถึงฐานรากให้ได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย ภายในสิ้นปี 2560 ที่จะถึงนี้     เราคาดหวังว่าการปฏิรูปการสร้างและพัฒนาศักยภาพ SMEs อย่างครบวงจรครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศ ตอบโจทย์นโยบาย Thailand 4.0 และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นางอภิรดีกล่าวสรุป