เศรษฐกิจซบฉุดยอดขายที่ดินกนอ.-เชื่อปีหน้าฟื้น

17 ธ.ค. 2559 | 04:42 น.
ภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ยังไม่ฟื้น ผู้ประกอบการยังชะลอลงทุน ฉุดยอดขายที่ดินทั้งปี ของกนอ.ต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 300 ไร่ แต่ยังเชื่อปีหน้ากลับมาฟื้นตั้งยอดขายไว้ที่ 3,000 ไร่ ส่งผลต่อรายได้พุ่งที่ 5,600 ล้านบาท เผยยุทธศาสตร์ 20 ปี พัฒนาพื้นที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมเกือบ 5 หมื่นไร่ รับอีอีซี เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและเมืองยาง

นายวีรพงษ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาวะการลงทุนในปีนี้ว่า จากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังไม่พื้นตัวมากนัก ส่งผลให้การลงทุนเกิดการชะลอตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ภาวการณ์ลงทุนชะลอตัวเป็นอย่างมาก ส่งผลฉุดยอดการขายพื้นที่ของกนอ.ต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 300 ไร่ จากที่ตั้ง 3,000 ไร่ หรือดำเนินการได้เพียง 2,622 ไร่ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก หรืออีสเทิร์นซีบอร์ด เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทคลังสินค้าโลจิสติกส์ รองลงมาเป็น อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมยางอุตสาหกรรมพลาสติกหนังเทียม โดยในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5,470 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีหน้าเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศและของโลก น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้กนอ.จะยังคงเป้าหมายในการขายพื้นที่ไว้ 3,000 ไร่ เช่นเดียวกับปีนี้ และคาดว่าจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,620 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ยังมีนักลงทุนที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะซื้อพื้นที่อีกประมาณ 660 ไร่ โดยในปี 2560 กนอ.เตรียมงบที่จะลงทุนไว้อีก 1,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จังหวัดสระแก้ว และนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง จังหวัดสงขลา

นอกจากนี้ยังได้กำหนดยุทธศาสตร์ กนอ. 20 ปี (2560-2579) ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ที่ต้องการนำพาประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง โดยมีเป้าหมายที่จะจัดเตรียมพื้นที่การพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมไว้ 49,669 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคตะวันออก เพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี นิคมฯในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน นิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง และนิคมฯเชิงนิเวศ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์

โดยเฉพาะการรองรับพื้นที่อีอีซี ที่ในช่วงต้นปีหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านร่างพระราชบัญญัติ ( พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกไปแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างของกฤษฎีกา เพื่อเตรียมนำเสนอครม.อนุมัติ ส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ซึ่งทางกนอ.ได้เตรียมพื้นที่ที่จะรองรับอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ไว้แล้ว ประมาณ 1.5 หมื่นไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดที่คาดว่าในช่วง 5 ปีแรกจะมีความต้องการใช้พื้นที่ราว 7.02 หมื่นไร่ และในช่วงปีที่ 6-15 ปี จะมีความต้องการใช้พื้นที่รวม 1.1 แสนไร่ ที่จะรองรับอุตสาหกรรม ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร เชื้อเพลิงชีวภาพ อากาศยาน หุ่นยนต์ โลจิสติกส์ ปิโตรเคมี เป็นต้น

นายวีรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขร่างพ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้กนอ.สามารถดำเนินกิจการต่างๆได้อย่างกว้างขวาง และมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งสามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการและของประเทศได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างของกฤษฎีกา เพื่อเตรียมเสนอให้ครม.พิจารณา ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ หากร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จะช่วยให้กนอ.สามารถเข้าดำเนินกิจการท่าเรืออุตสาหกรรมได้ รวมถึงการร่วมดำเนินงานกับบุคคลอื่นในต่างประเทศ โดยการจัดตั้งบริษัท จำกัดและบริษัทมหาชน เพื่อมารองรับการขยายกิจการได้ อีกทั้ง ยังกำหนดราคาขายที่ดินและส่วนควบในนิคมอุตสาหกรรม และการให้สิทธิประโยชน์เพื่อรองรับการพัฒนานิคมฯโลจิสติกส์ได้ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,218 วันที่ 15-17 ธันวาคม 2559