เมล์จีนสวมเสื้อมาเลย์ สองขั้วกรมศุลฯงัดข้อ

12 ธ.ค. 2559 | 03:15 น.
ชำแหละขบวนการงาบผลประโยชน์ขนรถเมล์ NGV จากจีนสวมเสื้อมาเลย์ พักรถมั่วนิ่มจดประกอบก่อนสำแดงเท็จหวังเสียภาษี 0% แฉผู้เกี่ยวข้องมีบิ๊ก ขรก.-รมต. เรื่องแดงเพราะเลือดใหม่เก่ากรมศุลฯ งัดข้อกัน

แหล่งข่าวจากกรมศุลกากรเปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ถึงกรณีอายัดรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัดว่าการนำเข้า 2 ล็อตแรกคือ 1 คัน และ99 คัน ตามลำดับว่า ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการจ่ายภาษี เนื่องจากกรมศุลกากรสืบทราบพร้อมหลักฐานพบว่านำเข้าจากจีนไม่ใช่จากมาเลเซีย ตามที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่าฯ ได้สำแดง ดังนั้นขอรับสิทธิยกเว้นภาษีภายใต้กรอบข้อตกลงอาเซียน 0% จึงเป็นการสำแดงเท็จ

“เลขประจำตู้คอนเทนเนอร์ ที่ขนส่งมาจากประเทศจีน เป็นเลขเดียวกันรวมถึงระบุว่าเป็นรถ NGV ยี่ห้อและชนิดข้อมูลเดียวกับข้อมูลที่มีการนำเข้ามายังไทย หลักฐานเราตรวจและได้มาทำให้รายการนี้ต้องเสียภาษีอากร 40% อีกหลักฐานที่ทำให้บริษัทผู้นำเข้าจนมุม ก็คือรถทั้ง 100 คัน ได้ยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แปลว่าความผิดสำเร็จแล้ว”

แหล่งข่าวกล่าวและว่า กรมศุลกากรจับพิรุธการนำเข้าดังกล่าวตั้งแต่ทราบว่ารถถูกส่งมาจากประเทศมาเลเซีย เนื่องจากศักยภาพในการประกอบรถของโรงงานที่นั่นมีเพียง 50 คันต่อเดือน เชื่อว่าผู้นำเข้าประมาทเลินเล่อหรือไม่ก็คิดว่าจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแล้วจะง่ายดาย ซึ่งคิดผิด เพราะกรมศุลกากรยุคใหม่ที่มีอธิบดีชื่อนายกุลิศ สมบัติสิริ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ใต้โต๊ะ การทำงานของเจ้าหน้าที่ด่านท่าเรือแหลมฉบังจึงไม่ใช่การได้รางวัลนำจับ 30% แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง

“ทีมคณะกรรมการตรวจสอบการปล่อยรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปที่นำเข้า เป็นคนของอธิบดีกรมศุลฯ คนเก่า แต่ทีมนายด่านศุลกากรแหลมฉบังที่สกัดรถ เป็นทีมอธิบดีใหม่ที่มีนโยบายสกัดการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ การเจรจาที่เคยมาในอดีตระหว่างคนกรมศุลฯ ด้วยกันจึงไม่มีอีกแล้ว งานนี้จึงจบเห่ อย่างที่เห็น”

แหล่งข่าวมั่นใจว่า ขบวนการสำแดงเท็จเพื่อการหลบเลี่ยงภาษีครั้งนี้ต้องมีผู้ใหญ่ในวงการระดับรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อาจจะออกใบรับรองโดยไม่ได้ตรวจสอบก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี หากสังเกตใบขนส่งจากมาเลเซียกับเอกสารหนังสือรับรองที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษี หรือ From D จะพบความผิดปกติว่ารถดังกล่าวไม่ได้จดประกอบที่มาเลเซีย แต่เป็นรถที่มาจากประเทศจีน

กรมศุลกากรยังสืบทราบว่ามีปัญหาร้องเรียนตั้งแต่ TOR การกดราคาที่ขาดทุนเพื่อให้ชนะการประมูล พอผ่านมาได้ผู้ชนะประมูลจึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาแม้กระทั่งในขั้นตอนของกรมศุลกากร เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบการปล่อยรถก็รับรองปล่อยผ่าน ทางออกของเรื่องนี้หากรัฐบาลต้องการใช้รถ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ต้องใช้ ม.44 สั่งนำรถออกมาใช้ก่อนแล้วให้กฎหมายดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องส่วนผู้ที่ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ประเทศก็ต้องมีการปูนบำเหน็จ

“ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อตำแหน่งระดับเจ้าหน้าที่ แต่มีผลต่อเก้าอี้อธิบดีกรมศุลฯ ปลัดกระทรวงการคลัง แม้กระทั้งรัฐมนตรีที่พัวพันและเป็นพี่ใหญ่ในเรื่องนี้ ทัง้ หมดขึน้ อยู่กบั นายกฯหรืออย่างน้อยรองนายกฯ ต้องเข้ามาจัดการให้เป็นไปตามนโยบายขจัดคอร์รัปชันในวงการราชการและประเทศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารถเมล์ NGVดังกล่าวเป็นของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปจำกัด ผู้ชนะการประมูลในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 489 คัน วงเงิน 3,389ล้านบาท เฉลี่ยคนั ละ 6.93 ล้านบาท เปน็ราคารถคันละ 3.5 ล้านบาท อีกประมาณ3.5 ล้านบาทเป็นค่าบำรุงรักษา โดยในการประมูลครั้งดังกล่าว บริษัท เบสท์รินฯชนะการประมูลโดยการเสนอตํ่ากว่าราคากลาง 600 ล้านบาท

สำหรับการส่งมอบรถทั้ง 489 คันแบ่งเป็นครั้งที่ 1 จำนวน 1 คัน ครั้งที่ 2จำนวน 99 คัน ครั้งที่ 3 กำหนดขึ้นฝั่งท่าเรือแหลมฉบัง 145 คัน ในวันที่ 7ธันวาคม ครั้งที่ 4 จำนวน 145 คัน ในวันที่ 10 ธันวาคม ส่วนล็อตสุดท้ายวันที่ 15 ธันวาคมอีก 99 คัน เพื่อเป็นไปตามสัญญาส่งมอบทั้งหมดภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายออมสินชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากการสอบถามอธิบดีกรมศุลกากร ได้รับคำตอบจะให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปฯ นำเงินไปวางการันตี 300 ล้านบาท เพื่อนำรถ100 คันออกไปใช้งาน ส่วนข้อเท็จจริงแหล่งผลิตก็จะต้องพิสูจน์กันต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,217 วันที่ 11-14 ธันวาคม 2559