รองนายกฯสมคิดนำทีมไทยจับมือ Alibaba ดัน SMEs ไทยสร้างความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

07 ธ.ค. 2559 | 13:59 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 ธันวาคม 2559 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี  เป็นหัวหน้าคณะนำภาครัฐและเอกชนไทย เยือนสำนักงานใหญ่ Alibaba Group ณ เมืองหังโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของนายแจ๊ค หม่า ประธานบริหารบริษัท Alibaba Group  ซึ่ง Alibaba พร้อมจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาไทย ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทย ครอบคุลมตั้งแต่ระดับฐานรากจนถึง SMEs ที่สามารถส่งออกได้ ให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านช่องทาง E-Commerce พร้อมพัฒนาบุคลากรของไทยก้าวสู่โลกยุคดิจิทัล โดยในโอกาสนี้ได้มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อต่อยอดความร่วมมือระหว่างฝ่ายไทยและบริษัท Alibaba Group ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

การเยือนสำนักงานใหญ่ Alibaba Group ในครั้งนี้ เป็นการสานต่อผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายแจ็ค หม่า โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน หารือความร่วมมือกับบริษัท Alibaba Group ในการร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SME ไทยครอบคลุมตั้งแต่ระดับฐานราก กลุ่มชุมชน ระดับกลางซึ่งมีความพร้อมในการทำธุรกิจในประเทศ ไปจนถึง SME ที่สามารถส่งออกได้ ให้สามารถแข่งขันทางการค้า และก้าวสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และ Digital Economy เพื่อสังคม ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้แทนฝ่ายไทยและบริษัท Alibaba Group ได้มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อผลักดันความร่วมมือให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำระดับโลก ตลอดจนผู้นำด้าน E-Commerce Platform ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ต่อไป

หนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ครอบคลุมความร่วมมือทั้งหมด 4 ด้าน กรอบระยะเวลาการดำเนินงานภายในปี 2560 โดยด้านแรกได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของ SMEs และการพัฒนา Thailand National E-Commerce Platform มุ่งเสริมสร้างความรู้ในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลให้แก่ SME ไทย จำนวนทั้งหมด 30,000 ราย ครอบคลุมตั้งแต่ระดับฐานรากกลุ่มชุมชน ผู้ประกอบการระดับกลางซึ่งมีความพร้อมในการทำธุรกิจในประเทศ ไปจนถึง SME ที่สามารถส่งออกได้ โดยคาดหวังว่าภายใน 1 ปี SME ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพเหล่านี้จะมีความสนใจและขึ้นทำการค้าออนไลน์ผ่าน platform ต่างๆ ได้จำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 ราย โดย บริษัท Alibaba Group ร่วมกับลาซาด้ากรุ๊ป พร้อมจะช่วยเหลือในการอบรม SME ดังกล่าวนี้และ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเพื่อให้การสนับสนุนการพัฒนา National E-Commerce Platform ของไทย

ด้านที่สอง บริษัท Alibaba Group จะร่วมให้การสนับสนุนการอบรมบุคลากรจำนวน 10,000 รายเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยี และให้การอบรมแก่ Digital Professionals จำนวน1,000 ราย และผลักดัน application ที่ผลิตโดยกลุ่ม Digital Professionals นี้สู่ตลาดจีนผ่าน Alibaba Cloud Market Place รวมถึงส่งเสริมเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐให้ได้รับการฝึกอบรมเทคโนโลยี Big Data และ Artificial Intelligence(AI) ผ่านสถาบัน Thailand Digital Government Academy นอกจากนั้น ทาง บริษัท Alibaba Group และ ลาซาด้ากรุ๊ป จะร่วมสนับสนุนการอบรม trainer ที่จะมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงช่วย SMEs รายเล็กๆ ให้ขายออนไลน์ได้อีก จำนวน 2,000 ราย

ด้านที่สาม ได้แก่ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และ Supply Chain ในประเทศไทย โดย บริษัท Alibaba Group และ ลาซาด้ากรุ๊ปพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และคำแนะนำให้กับ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการขยายระบบเตรียมการฝากส่งสินค้าในประเทศผ่าน Application Prompt Post ให้ใช้งานได้ครอบคลุมทุกจังหวัด และจะมีการทำการศึกษาระบบการจัดการคลังสินค้าและการให้บริการ Fulfillment สำหรับธุรกรรม E-Commerce ระหว่างประเทศ ของกลุ่มธุรกิจในเครือ Alibaba เพื่อนำมาปรับใช้กับการวางระบบงานคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) ของ ปณท

ด้านสุดท้าย ได้แก่ การดึงบริษัท Alibaba Group มาพิจารณาโอกาสในการร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก พร้อมทั้งพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Digital Hub and Digital Data Center)

อนึ่ง คณะทำงานขับเคลื่อนและสานต่อผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายแจ๊ค หม่า นำโดย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอุตตม สาวนายน) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยอาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด