การซื้อขายหุ้นในวันที่ 7 ธันวาคม ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 4.05 จุด ปิดที่ 1,520.53 มูลค่าการซื้อขายรวม 44,966.03 ล้านบาท
มาร์เก็ตติงกล่าวว่า ตลาดหุ้นที่พลิกจากติดลบในภาคเช้ามาเป็นบวกในภาคบ่ายได้ เนื่องจากมีแรงซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เข้ามาส่งผลให้ตลาดดูดีขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การประชุมของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้(8ธ.ค.)จะขยายมาตรการกระตุ้นทางการเงิน(คิวอี)ต่อไป อีก 6 เดือน จากสิ้นสุด มี.ค.60 เป็น ก.ย.60 พื่อแก้ปัญหางบดุลที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนั้นยังมีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่มีข่าวสนับสนุน เช่นในกลุ่มสื่อสาร ที่มีกระแสข่าวการเจรจาซื้อขายกิจการกัน ทำให้เกิดการเก็งกำไรกันอย่างคึกคัก
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2560 มีโอกาสขยายตัว 3.3 - 3.5%สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัวประมาณ 3 % นับว่าเติบโตมากกว่าหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพราะพื้นฐานของไทยแข็งแกร่งหลายด้าน
ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด) วันที่ 13 - 14 ธันวาคมนี้ คาดว่าเฟดจะขยับขึ้นดอกเบี้ยมีผลให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับ แต่ในปริมาณที่ไม่มาก เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปีต่างชาติชะลอการลงทุนและก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยและตลาดหุ้นเกิดใหม่ไปมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปีหน้ายังต้องจับตาแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างใกล้ชิด รวมถึงการประกาศนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเน้นกระตุ้นในประเทศจะกดดันให้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าตลาดคาดการณ์ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ด้านหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มพลังงาน นำโดย PTT ราคาปิดที่ 365 บาท ลดลง 2 บาท PTTEP ปิดที่ 91 บาท ลดลง 0.25 บาท AOT บวก 1 บาทปิดที่ 400 บาท JAS ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท และ BANPU ปิดที่ 18.50 บาท ลดลง 0.10 บาท