ปลัดมท.สั่งการด่วนพ่อเมือง 14 จว.ภาคใต้ช่วยปชช.พ้นอุทกภัย

05 ธ.ค. 2559 | 12:26 น.
วันนี้(5 ธ.ค.59) นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และจ.สตูล โดยมีเนื้อหาระบุว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ต่อไปนั้น จึงขอแจ้งแนวทางการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

1.กำหนดพื้นที่ปฏิบัติการให้ชัดเจน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ประสบภัย พื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ และพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบในระยะเวลาอันใกล้ และพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบระยะยาว โดยให้ระบุเป็นอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครัวเรือนให้ชัดเจน

2.กำหนดวิธีช่วยเหลือ หรือบรรเทาภัยให้เหมาะสมตามสภาพข้อเท็จจริงของพื้นที่เกิดเหตุ และจะต้อง สอดคล้องกับศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ เช่น พื้นที่ราบเชิงเขา ต้องเตรียมอุปกรณ์ เครื่องจักรกล ชุดกู้ภัย/ค้นหาช่วยเหลือกรณีน้ำป่าไหล ดินโคลนถล่ม พื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ หรือริมชายฝั่งทะเลต้องเตรียมเรือ ชุดกู้ชีพกู้ภัยทางทะเล/ทาง น้ำ เป็นต้น

3.กำหนดพื้นที่ หรือโซนนิ่ง ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยใช้รูปแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน และกำหนดผู้รับผิดชอบในการประสานการปฏิบัติงานแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อลดความซ้ำซ้อน สามารถช่วยเหลือได้ทั่วถึงถูกต้องตามข้อเท็จจริง และความต้องการของประชาชนในพื้นที่

4. กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบและประเด็นการรายงานสถานการณ์ การแก้ไขปัญหาให้ความช่วยเหลือ แนวโน้มสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมรับมือให้กองอำนวยการฯกลางทุก 3 ชั่วโมง เพื่อให้ส่วนกลางทราบข้อเท็จจริง และสามารถสั่งการ สนับสนุนการปฏิบัติในพื้นที่ได้

5.กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการให้ข้อมูลข่าวสารต่อสื่อมวลชน และสาธารณชนให้ชัดเจน โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง ทุกระยะ เพื่อสร้างความถูกต้องและเป็นเอกภาพด้านข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริง ป้องกันปัญหาการร้องเรียนในพื้นที่ ลดความตื่นตระหนก และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ประสบภัย หรือประชาชนในพื้นที่

และ 6. เน้นย้ำผู้อำนวยการอำเภอ ผู้อำนวยการท้องถิ่น ให้ความสำคัญในการเข้าไปยังพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์เป็นประจำ และบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นต่อผู้ประสบภัย ตลอดจนประเมินสถานการณ์ แนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน