ก.แรงงานคาดปี 60 สร้างอาชีพให้คนพิการและผู้สูงอายุภาคอีสาน 2,773 คน

18 พ.ย. 2559 | 06:50 น.
กระทรวงแรงงาน ร่วมมือกับ แม่ทัพภาคที่ 2  จังหวัดนครราชสีมา และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สร้างโอกาสให้คนพิการและผู้สูงอายุ มีงานทำ มีอาชีพ ในปี 2560 คาดจะมีการจ้างงานและการประกอบอาชีพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใน รวม 2,773 คน

หม่อมหลวงปุณฑริก  สมิติ  ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยระหว่างการเป็นประธานเปิดโครงการประชารัฐสร้างโอกาสคนพิการและผู้สูงอายุ มีงานทำ มีอาชีพ โดยมีรองแม่ทัพภาคที่ 2 รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และอธิบดีกรมการจัดหางาน ร่วมลงนามความร่วมมือ ณ อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญต่อประชาชน อยู่ดีมีสุข กระทรวงแรงงาน มียุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ เป็นกลไกการบริหารจัดการกำลังคมของชาติให้กระจายลงสู่ทุกภาคการผลิตของประเทศอย่างสมดุล โดยยึดหลักใน 3 มิติ คือ ศักยภาพของกำลังแรงงานและต้นทุนมนุษย์ ความมีประสิทธิภาพของตลาดแรงงาน และความมั่นคงในการดำรงชีวิตจากการทำงาน ซึ่งในปี 2560 กระทรวงแรงงานได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านแรงงาน การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการและผู้สูงอายุ การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ สอดรับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ให้มีโอกาสความเสมอและเท่าเทียมกันทางสังคม

อีกทั้ง พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีแผนการปฏิบัติงานระยะที่ 1ของปี 2560 ในมิติใหม่การส่งเสริมการมีงานทำ การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งการจัดโครงการพลังประชารัฐสร้างโอกาสคนพิการและผู้สูงอายุมีงานทำ มีอาชีพ เป็นการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2517 ความตอนหนึ่งว่า งานช่วยเหลือคนพิการนี้ ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าผู้พิการไม่ได้อยากจะเป็นผู้พิการ และอยากช่วยเหลือตนเอง ถ้าเราไม่ช่วยเขาให้สามารถที่ปฏิบัติงานอะไรเพื่อชีวิต และเศรษฐกิจของครอบครัวจะทำให้เกิดสิ่งที่หนักในครอบครัวหนักแก่ส่วนรวม ฉะนั้น นโยบายที่จะทำก็คือ ช่วยเขาให้ช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อจะทำให้เขาสามารถเป็นประโยชน์ต่อสังคม

กระทรวงแรงงาน จึงได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมการมีงานทำให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า สามารถทำงานในสถานประกอบการหรือประกอบอาชีพที่ทำให้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนายจ้างสถานประกอบการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในปี 2559 จำนวน 891 แห่ง การจ้างงานคนพิการเข้าทำงานในสถานประกอบการ จำนวน 1,544 คน ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ พ.ศ. 2550 จำนวน 555 คน สร้างมูลค่า 226 ล้านบาทต่อปี และในปี 2560 คาดว่าจะมีการจ้างงานและการประกอบอาชีพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 2,773 คน เป็นคนพิการ 2,099 คน ผู้สูงอายุ 400 คน ทหารที่ปลดประจำการจากความพิการในการสู้รบ และครอบครัวทหารที่มีความพิการ 274 คน

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้เชิญชวนให้สถานประกอบการมีการจ้างงานผู้พิการและใช้สิทธิตามมาตรา 35 การจ้างผู้พิการทำงานที่บ้าน รวมถึงส่งเสริมให้มีการจ้างานผู้สูงอายุ เนื่องจากในปี 2578 ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเข้มข้น อีกทั้งยังให้กรมการจัดหางานผลักดันโครงการนี้ให้เห็นผลสัมฤทธิ์ และขยายสู่ทุกภาคของประเทศด้วย

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ได้มีการจัดกิจกรรม การจ้างงานคนพิการและผู้สูงอายุ ต้นแบบการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพให้แก่ทหารที่ปลดประจำการจากความพิการในการสู้รบและครอบครัวทหารที่มีความพิการ การถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตรให้คนพิการและผู้สูงอายุได้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ การฝึกอบรมหลักสูตรการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดเศรษฐกิจ และการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รวมถึงการมอบอุปกรณ์และวัสดุในการประกอบอาชีพให้แก่ทหารที่ปลดประจำการจากความพิการในการสู้รบและครอบครัวทหารที่มีความพิการ