ซีพีเอฟโชว์กำไรไตรมาส 3 เติบโต 45%

14 พ.ย. 2559 | 09:23 น.
บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ตามเป้ามีรายได้จากการขายจำนวน 122,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 10% และมีกำไรสุทธิจำนวน 5,184 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 45% เป็นผลให้มีรายได้จากการขายงวด 9 เดือน รวม 344,839 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 12,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งกำไรส่วนใหญ่มาจากการขยายการลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับโครงสร้างรายได้จากการขายนั้นกิจการต่างประเทศและกิจการส่งออกจากประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 68% ของรายได้จากการขาย โดยกิจการในประเทศเวียดนามมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและประเทศอื่น ๆ ได้มีผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่ตั้งไว้   สำหรับการขายในประเทศไทยที่มีสัดส่วน 32% ของรายได้จากการขายรวมนั้นมีผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากธุรกิจสัตว์บกโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ในประเทศไทยได้เข้าสู่ภาวะปกติจากภาวะผลผลิตล้นตลาดในปีที่ผ่านมา และการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจสัตว์น้ำจากผลกระทบจากโรคระบาด EMS (Early Mortality Syndrome) ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทั้งด้านการขายและบริหารรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการเงินให้ลดลง ทำให้ซีพีเอฟมีกำไรสุทธิ 9 เดือน เพิ่มขึ้น 36% จากปีที่ผ่านมา

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่าน่าจะเป็นไปตามที่ได้วางเป้าหมายไว้จากการเติบโตของกิจการในต่างประเทศที่บริษัทได้มีการขยายการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาอย่างมากและจะเป็นส่วนหลักในการผลักดันการเติบโตของซีพีเอฟต่อไปในอนาคต โดยปีนี้ธุรกิจในประเทศจีนและประเทศเวียดนามซึ่งมียอดขายรวมกันคิดเป็น 39% ยังคงเป็นประเทศหลักในการผลักดันการเติบโต แต่ในระยะยาวนั้นมองว่าประเทศรัสเซีย ประเทศอินเดียและประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจและมีศักยภาพในการเสริมการเติบโตของซีพีเอฟในอนาคต

ภายใต้แนวคิดในการทำธุรกิจเพื่อสร้างสินค้าอาหารจากโปรตีนเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ซีพีเอฟ ได้มีกลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจคือการขยายการลงทุนไปยังประักยภาพในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อช่วยสนับสนุนประเทศต่างๆนั้นให้มีกระบวนการเลี้ยงสัตว์ที่ทันสมัยอันจะส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเนื้อสัตว์ที่ดี สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วบริษัทมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจปลายน้ำหรือธุรกิจอาหารเพิ่มมูลค่า โดยการลงทุนของซีพีเอฟนั้นได้มองโอกาสของการเข้าซื้อกิจการเพราะจะช่วยเสริมการเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าการเข้าไปลงทุนสร้างกิจการเอง โดยยึดหลักว่ากิจการที่เข้าไปซื้อจะต้องเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลัก มีผู้บริหารที่ดี และราคาต้องเหมาะสม รวมถึงการมีคุณค่าร่วมในการต่อยอดธุรกิจของซีพีเอฟ