พระองค์ทรงคิดบวก 'บุญเกียรติ โชควัฒนา'

15 พ.ย. 2559 | 13:00 น.
“โชควัฒนา” เป็นตระกูลใหญ่ที่ได้ชื่อว่ายึดหลัก “คุณธรรม” เป็นแกนนำในการดำเนินชีวิตและบริหารธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตามหลักคำสอนของนายห้างเทียม โชควัฒนา ผู้บุกเบิกธุรกิจและสร้างชื่อสหพัฒนพิบูลให้เป็นที่รู้จักของคนไทย ก่อนจะส่งต่อมายังรุ่นลูกหลานในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้น

ด้วยความสำนึกในบุญคุณของแผ่นดินไทย ที่ได้เข้ามาก่อร่างสร้างตัวจากธุรกิจร้านขายของชำเล็ก จนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ก็ไม่ได้ละเลยที่จะน้อมนำพระราชดำรัส และแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ มาใช้ในการดำเนินชีวิตและการบริหารธุรกิจ รวมถึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ยึดหลักตามคำสอนของ “พ่อของแผ่นดิน” เห็นได้จากข้อความพระราชดำรัสที่อัญเชิญมาติดไว้ที่สำนักงาน เพื่อให้พนักงานได้น้อมนำไปปฎิบัติ

“บุญเกียรติ โชควัฒนา” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ม

หาชน) ในเครือสหพัฒน์ หนึ่งในคีย์แมนสำคัญของตระกูลโชควัฒนา ผู้ที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสและแนวพระราชดำริมาใช้เป็นแนวทาง ในทุกๆ เรื่องของชีวิตและการบริหารธุรกิจ

 ซึมซับพระราชดำรัส

การน้อมนำเอาแนวพระราชดำรัสและพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันและภายในองค์กรนั้น เกิดจากความซึมซับที่ได้เห็นพระองค์ท่านทรงงาน จนกลายเป็นแบบอย่างที่ดี นับตั้งแต่คนไทยเกิดมาบนผืนแผ่นดิน ก็จะเห็นพระองค์ท่านทรงงานด้านต่างๆ มากมาย คนไทยเห็นพระองค์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกวัน เพราะพระองค์ไม่เคยหยุดทรงงานเลย

“สิ่งที่นำมาใช้เป็นแนวการดำเนินชีวิต คงหนีไม่พ้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สอนให้เราไม่ทำอะไรเกิน

[caption id="attachment_113524" align="aligncenter" width="499"] บุญเกียรติ โชควัฒนา บุญเกียรติ โชควัฒนา[/caption]

ตัว ไม่ใช่จ่ายเกินกำลัง หรือแม้แต่การทำธุรกิจก็ต้องมีความพิถีพิถันในการใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายจนขาดความเหมาะสม เป็นสิ่งที่เราได้ยินพระองค์ท่านพูดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ” เจ้าสัว บุญยเกียรติ กล่าว

 พระองค์ทรงคิดบวก

สิ่งที่มักจะได้ยินหลักคิดของเครือสหพัฒน์ คือ เรื่อง “คิดบวก” กับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย สิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารเครือสหพัฒน์มองเห็นคือ พระองค์ท่านก็ทรงคิดบวกมาโดยตลอดเช่นกัน แม้จะไม่ได้เคยตรัสออกมาเป็นพระราชดำรัสก็ตาม

“ผมสรุปเองตั้งนานแล้ว พระองค์ท่านทรงเป็นคนคิดบวกอย่างมาก จริงๆพระองค์ท่านไม่เคยสอนและพูดถึงเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พระองค์แสดงออกให้เราเห็นเป็นเรื่องของการคิดบวกทั้งนั้น คิดบวกก็คือคิดแต่เรื่องดีๆ คิดว่าประชาชนของพระองค์ท่านเป็นคนดีสอนได้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ความอดทนเพื่อสอน แต่ต้องคิดว่าเราสอนได้ คำว่า “คิดบวก” กับคำว่าเมตตาจิตคล้าย ๆ กัน คนที่คิดบวกจะมีเมตตาจิต

คนที่คิดลบจะไม่สามารถมีเมตตาจิตได้ พระองค์ท่านทรงมีเมตตาจิตสูงมากๆ กับประชาชนของพระองค์ เพราะพระองค์ท่านเป็นคนคิดบวก จึงสามารถทำได้ทุกอย่าง พระองค์ทรงกีฬาได้หลายชนิด ทรงดนตรีได้ ทรงอัจฉริยภาพในทุกเรื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่พระองค์ท่านต้องคิดก่อน ว่าพระองค์ท่านทำได้ พระองค์ท่านก็ทำได้”

 น้อมนำทศพิธราชธรรม

เรื่องของคุณธรรม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เครือสพัฒน์ให้ความสำคัญและเป็นหลักยึดมาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นการนำเอาพระบรมราโชวาทครั้งขึ้นครองราชย์ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ฉะนั้นถ้าจะเดินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท การบริหารงานก็จะต้องปกครองทุกอย่างโดยธรรมเหมือนกัน แล้วทุกคนในองค์กรจะมีความสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปมาโดยตลอด แต่ถ้าถามวันนี้ให้เปรียบเทียบกับองค์กรอื่นๆ องค์กรที่นี้น่าจะมีความโดดเด่นด้านคุณธรรมมากกว่าองค์กรอีกหลายแห่ง

นอกจากนี้ ยังนำพระราชดำรัสมาใช้เป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ เรื่องของความซื่อสัตย์ ความสามัคคี ความมีเมตตาจิต รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่เกิดปัญหา โดยเฉพาะความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญมากที่พระองค์ท่านทรงย้ำมาก เพื่อให้คนในประเทศไทยมีความรักความสามัคคี ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ เป็นสิ่งที่ถูกหยิบมาใช้ในองค์กร เพราะการที่ผู้คนมาอยู่รวมกันจำนวนมาก “ความสามัคคี” จะทำให้องค์กรนั้นก้าวไปข้างหน้า ซึ่งพระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนมาตลอด ในฐานะผู้บริหารองค์กรก็จะต้องสร้างแบบอย่างที่ดีด้วยเช่นกัน

 เสี้ยววินาทีที่สุดในชีวิต

ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ท่าน แต่เคยได้เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันอาณาจักร แล้วได้มีโอกาสรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน หลังจากนั้นเข้าเฝ้าถวายเงินให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ก่อนหน้านี้เคยถวายเงินที่วังสวนจิตรลดา ซึ่งเกิดความประหม่าอย่างมาก ตื่นเต้นมาก แม้เป็นเวลาเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น

“การได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านถือเป็นโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่มีอะไรที่จะสำคัญมากกว่านี้แล้ว แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ตาม”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559