พาณิชย์เผยผลกระทบหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ2016

09 พ.ย. 2559 | 09:59 น.
นางอภิรดี  ตันตราภรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ทั่วโลกต่างจับตามองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2016 ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร วันนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วว่า สหรัฐฯ จะมีประธานาธิบดีคนใหม่เป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ขอแสดงความยินดีต่อว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย

นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่เน้นการปฏิรูปและไม่สนับสนุนการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งจะทำให้ทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนค่อนข้างชัดเจน โดยเน้นให้ความสำคัญกับการเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ (โดยเฉพาะ    การส่งเสริมการลงทุน ผ่านมาตรการภาษี) เน้นนโยบายปกป้องการค้าของสหรัฐฯ มีความชัดเจนที่จะปฏิเสธ   ผู้ลี้ภัยต่างชาติและแรงงานต่างชาติ และลดความสำคัญลงสำหรับประเด็นสิ่งแวดล้อม สำหรับนโยบายต่างประเทศ มีแนวโน้มที่จะทบทวนความสัมพันธ์และการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศพันธมิตรใหม่ อย่างไร  ก็ตาม ยังมีประเด็นความเป็นไปได้ของนโยบายเหล่านี้ว่าจะสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ความ ไม่เชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและเกิดความผันผวนในระยะสั้นได้

ผลกระทบระยะสั้น  คาดว่าจะมีผลกระทบในตลาดเงินตลาดทุนอย่างชัดเจน แต่ภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) คงไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดย ตลาดเงินตลาดทุนคงได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน เช่นเดียวกันกับผลกระทบจากกรณี Brexit ที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกผันผวน ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่า ตลาดหุ้นตกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกโดยรวมน่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้นการส่งออกของไทยในช่วง  ที่เหลือยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ตามการคาดการณ์

สำหรับในปีต่อไปนั้น ไทยคงต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่อาจจะเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงและไม่แน่นอนที่อาจมีขึ้น ในเศรษฐกิจโลก ที่อาจส่งผลด้านต่าง ๆ เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีขึ้นหรือไม่ ราคาน้ำมันจะขึ้นตามที่คาดไว้หรืออาจจะเกิดการผันผวนอย่างมาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับดอกเบี้ยขึ้นตามที่คาดหรือไม่ ฯลฯ ซึ่งความผันผวนเหล่านี้ จะส่งผลต่อการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวน และราคาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะ ที่ผลกระทบจากนโยบายลดภาษียังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของ IMF (ร้อยละ 2.2 และร้อยละ 3.4 ตามลำดับ) โดยภาพรวมแล้วจะทำให้การส่งออกของไทยในปี 2560 มีความเสี่ยงและท้าทายมากขึ้น เพื่อที่จะกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ   5 ปี

ผลกระทบระยะยาว ด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มคัดค้าน TPP อย่างชัดเจน แต่คาดว่าจะมีการเจรจาการค้าฉบับใหม่ที่มีลักษณะปกป้องผลประโยชน์พลเรือนอเมริกันมากขึ้น ซึ่งอาจนำมาสู่การขยายแนวความคิดด้านชาตินิยมและไม่ให้ความสำคัญกับการค้าเสรีไปสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายตัวปริมาณการค้าโลก ซึ่งในประเด็นนี้ไทยก็พร้อมจะพิจารณาสานความสัมพันธ์ทางการค้าผ่านเวทีอื่นๆเพื่อเป็นทางเลือก

ด้านนโยบายการคลัง ความไม่สอดคล้องกันระหว่างการลดภาษีภายในประเทศเพื่อกระตุ้นการลงทุน ผนวกกับแนวโน้มการกีดกันการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เมื่อรวมกับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงิน และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น อาจนำไปสู่ความยุ่งยากในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ  ซึ่งในระยะยาว อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญได้ นอกจากนั้น นโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคล เพื่อส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานในประเทศ ในขณะที่มีการปกป้องการค้าจากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น น่าจะทำให้การลงทุนของสหรัฐฯ ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับปกติ (เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้) โดยเฉพาะประเทศ/กลุ่มคู่ค้าที่มีศักยภาพสูง  ส่วนเศรษฐกิจโลก ความผันผวนและนโยบายกีดกัน อาจทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์เดิม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน และจะมีความซับซ้อนจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่นายทรัมป์อาจจะประกาศต่อไป

นางอภิรดี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกไทย ว่าการส่งออกจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (ถ้าไม่นับอาเซียน 10 ประเทศรวมกัน) โดยในปี 2558 ไทยมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ  24,055 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด โดยมีสินค้าสำคัญ อาทิ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่มห่ม รวมทั้งอาหารทะเลและผลไม้กระป๋องแปรรูป ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.4 ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯทั้งหมด  ดังนั้น หากสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในทิศทางที่มีการกีดกันมากขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกโดยรวม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ค่อนข้างมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่า ผลกระทบต่อเราจะไม่รุนแรงมากนัก แต่อยากให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็กเตรียมปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นไว้ โดยเฉพาะที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน

ในด้านการเจรจาการค้ากับประเทศอื่นๆ อาจจะมีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้น เพื่อชดเชยการค้าที่ลดลงกับสหรัฐฯ ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากสหรัฐฯ ในไทย ในระยะนี้อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและมีศักยภาพในการขยายตัวในเกณฑ์ดี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง

ท้ายสุด กระทรวงพาณิชย์ก็ขอยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ภายใต้นโยบายใหม่ๆ     ซึ่งไม่ว่าใครจะได้รับการคัดเลือกจากประชาชนให้เข้ามาเป็นผู้นำสหรัฐฯ รัฐบาลไทยก็ยินดีและพร้อมจะทำงานด้วยทุกคน เพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองประเทศ