สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนสัปดาห์นี้

04 พ.ย. 2559 | 11:40 น.
“เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวยังอยู่ในกรอบจำกัด  ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยลดลง หลังนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ”

Foreign Exchange Market

เงินบาททยอยแข็งค่า ท่ามกลางแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ จากประเด็นความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่ง ณ ขณะนี้ นางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ยังมีคะแนนที่ใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ ทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ก็เป็นปัจจัยบวกที่หนุนค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน

kbb02-1 สำหรับในวันศุกร์ (4 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 34.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ (28 ต.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.80-35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดการเงินทั่วโลก น่าจะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญมีเพียงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ช่วงต้น) เดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. และกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ตอบรับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

Stock Market

ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลง หลังนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,485.70 จุด ลดลง 0.58% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 0.50% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 50,030.72 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 579.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.63% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นของสัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ราคายังปรับขึ้นช้า ขณะที่กลุ่มรับเหมาได้รับอานิสงส์จากการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง  อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กระแสนิยมนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปรับดีขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน

kbb02-2 สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,475  และ 1,455 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,500 และ 1,515 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และการประชุน กนง. ของไทย ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ข้อมูลการค้าของจีน

ที่มา:ศูนย์วิจัยกสิกรไทย