KTBST ประเมินหุ้นไทยวันนี้(28 ต.ค.)ดัชนีฯมีความผันผวนจากแรงขาย

28 ต.ค. 2559 | 02:54 น.
บล.KTBST ประเมินหุ้นไทยวันนี้ (28 ต.ค.) ดัชนีฯมีความผันผวนจากแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงและปัจจัยบวกที่ยังน้อย แนะกลยุทธ์ชะลอลงทุนเพื่อดูทิศทางตลาดเลือกลงทุนสั้น ในกลุ่มที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (28 ต.ค.) จากทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ยังคงเคลื่อนไหว บนปัจจัยสำคัญอยู่ 3 ตัว คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ย (พ.ย.หรือ ธ.ค.) เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (8 พ.ย.) และการรายงานผลประกอบการ โดยคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป มีผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ออกมาหลายตัว

ทั้งนี้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ น่าจะใกล้สิ้นสุดแล้วอีกไม่นานจะมีการลดการใช้ QE หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันลง  ความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. สูงเกิน 70% แล้ว (Fed Fund Rate Futures)  เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ย มีผลต่อการปรับพอร์ลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินลงทุน โดยเฉพาะส่วนที่เป็นลบต่อดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล สินค้าโภคภัณฑ์บางตัว ตลาดหุ้นบางแห่งที่ผลตอบแทนเหลือไม่มาก และเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลล่าร์ เป็นต้น การปรับพอร์ตของนักลงทุนที่นำเงินมาลงทุนในต่างประเทศ เกิดมาประมาณ 1 เดือนแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วย แต่การขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย เพิ่งจะมาเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ และคาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้ น่าจะยังคงมีการปรับพอร์ตต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวไป ซึ่งเดือน ต.ค.มียอด net sell ไปแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท และยอดซื้อสะสมปี 2559 ลดลงจาก 1.3 แสนล้านบาท เหลือ 1.17 แสนล้านบาท

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว (side way) แม้จะเห็นการดีดตัวขึ้นมาในคืนที่ผ่านมาจากตัวเลข stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลง 6 แสนบาร์เรล และซาอุฯ อาจต้องรับภาระในการลดกำลังการผลิตมากที่สุดถึง 4 แสนบาร์เรล/วัน แต่เราคาดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อถึงวันที่ตกลงจริงๆ ซาอุฯอาจไม่ยอมตกลงด้วย นักลงทุนคงต้องมารอดูผลการเดินสายหารือนอกรอบของผู้ผลิตน้ำมันในช่วงวันหยุดนี้

ส่วนปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญๆ จะเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมายอมรับว่าอาจชะลอตัวในไตรมาสที่ 4 แต่เราเชื่อว่าจะเป็นเหตผลให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการต่างๆ หรือการลงทุนเพื่อชดเชย GDP ที่ลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังอยู่ในช่วงของการรายงานผลประกอบการ จากที่ บล.KTBST เก็บข้อมูล 19 บริษัทที่นำส่งงบไตรมาสที่ 3 มาแล้ว มีกำไรรวม 7.8 หมื่นล้านบาท +445% YoYและ +5.5% QoQ

"ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้น ด้วยความกังวลต่อการขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ราคาน้ำมันที่มีทิศทางไม่ชัดเจน จะทำให้แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ (ที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก หรือไม่มีปัจจัยบวกคอยค้ำราคาหุ้นไว้) นั้นลดลง ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ มีความผันผวนจากแรงขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง และการเข้ามาเล่นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ของนักลงทุน ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯปิดตลาด ไม่แตกต่างจากวันก่อนมากนัก ขณะที่ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นในระหว่างวัน จะเป็น การซื้อขายวันแรกของหุ้น IPO ชื่อ BPP (บริษัทย่อยของ BANPU) , ผลประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50 MW (GENCO SUPER CWT GLOW SCC BWG PSTC WHA) และ คาดการณ์ GDP q3 ของสหรัฐฯ ที่คาดจะขยายตัวจาก 1.4% ใน Q2 เป็น 2.5% "

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.KTBST มองว่าตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ จากการชะลอการลงทุนก่อนเข้าสู่วันหยุด และข่าวในเชิงบวกของตลาดที่มีค่อนข้างน้อย จึงแนะนำให้ชะลอดูทิศทางตลาด หรือเลือกลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ ในกลุ่มที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว เช่น หุ้นผลประกอบการออกมาดี หุ้นได้ประโยชน์จากโครงการประชารัฐฯ หุ้นอิงรายได้กับการส่งออก  หุ้นที่แนะนำได้แก่  KCE , IVL , LPH , VNG , WICEมองกรอบดัชนีวันนี้ที่1,488-1,505  จุด