‘ไทย’ศูนย์กลางธุรกิจโฮเรกา โอกาสทางตลาด 1 ล้านล้านบาท

25 ต.ค. 2559 | 01:00 น.
ธุรกิจโฮเรกา (HORECA) ที่ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม (Hotel) ร้านอาหาร (Restaurant) และกาแฟและธุรกิจจัดเลี้ยง (Cafe and Catering) ในแต่ละปีมีมูลค่านับ 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นวงจรตลาดขนาดใหญ่ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีส่วนผลักดันให้ประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ที่หลอมรวมตลาดทั้ง 10 ประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว กับจำนวนประชากรที่เป็นฐานลูกค้าสำคัญกว่า 600 ล้านคน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจนี้โตวันโตคืนด้วยที่ว่าสินค้าและบริการของไทยมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาค ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจและหาช่องทางโอกาสทางการตลาด เพื่อเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจโฮเรกา

[caption id="attachment_107757" align="aligncenter" width="700"] มูลค่าและสัดส่วนตลาดโฮเรกาปี 2558 มูลค่าและสัดส่วนตลาดโฮเรกาปี 2558[/caption]

ไทยน่าเที่ยวอันดับ 1 ของโลก

“พงษ์ศักดิ์ นันตวรรณกุล” กรรมการบริหาร เอเชีย โฮเรกา ในเครือทีซีซี กรุ๊ปที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจโฮเรกา จึงตัดสินใจเปิดศูนย์การค้าโฮเรกาสแควร์(HORACA Square) ศูนย์การค้าส่งสินค้าและบริการแบบครบวงจร สำหรับรองรับธุรกิจโฮเรกาก่อนจะเดินหน้าขยายสาขาไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งเป็นประตูสู่เมืองท่องเที่ยวภาคเหนือและภาคใต้ตามลำดับ และจะขยายสาขาสู่จังหวัดอุดรธานี ที่เป็นประตูการท่องเที่ยวของภาคอีสาน และสปป.ลาว

“สิ่งที่เอเชีย โฮเรกา มองเห็น คือ ปริมาณการขยายตัวของธุรกิจทั้งโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่และบริการจัดเลี้ยงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจโรงแรม ในปีที่ผ่านมามีจำนวนโรงแรมมากกว่า 1.55 หมื่นแห่ง มีจำนวนห้องพักมากกว่า 6.40 แสนห้อง ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องปีละกว่า 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา” พงษ์ศักดิ์ กล่าวและว่า

ที่สำคัญ เมื่อเร็วๆ นี้ประเทศไทยยังได้รับการเลือกให้เป็น จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากเดินทางเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ 1 แซงหน้ามหานครปารีส โนั่นหมายความว่า สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมจะต้องเติบโตตามปริมาณนักท่องเที่ยว ที่จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสายด้วยนั่นเองเฉพาะปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยกว่า 30 ล้านคน และสร้างเม็ดเงินกว่า 1.3 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ไทยมีศักยภาพทางการตลาดและจะกลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจโฮเรกาในภูมิภาคอาเซียน ทั้งจากขนาดฐานลูกค้าขนาดใหญ่ 600 ล้านคน จากการเปิดตลาดเออีซี ที่ยังมีมีอัตราภาษีเป็น 0 สำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการ ประเทศไทยยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ 33 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอาเซียนและในมุมมองของต่างชาติ ประเทศไทยยังเป็นประเทสที่น่าลงทุนอันดับที่ 8 ของโลกด้วย

 70% คนไทยกินข้าวนอกบ้าน

จากข้อมูลของเว็บไซต์ www.statista.com พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันกว่า 70% ที่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยมีสัดส่วนจำนวน 12% ออกกินข้าวนอกบ้านทุกวัน แต่ส่วนใหญ่ที่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์มีประมาณ 24% และมีคนไทยที่เดินทางออกไปกินข้าวนอกบ้าน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์สัดส่วน 19% และสัดส่วนอีก 15% ที่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน 3-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งพฤติกรรมของคนไทยยุคใหม่นี้ เป็นโอกาสสำคัญที่จะส่งผลให้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารเติบโตตามไลฟ์สไตล์ดังกล่าว

แม้แต่ธุรกิจร้านกาแฟ ที่ถือเป็นหนึ่งตลาดสำคัญของธุรกิจโฮเรกา ก็มีการเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะตามอาคารสำนักงาน จะเห็นการเกิดขึ้นของร้านกาแฟ ทั้งร้านขนาดเล็กหรือรถเข็น ไปจนถึงร้านขนาดใหญ่ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำเกิดขึ้นทุกพื้นที่ถนนกรุงเทพฯ ในรอบปีที่ผ่านมาธุรกิจร้านกาแฟมีมูลค่าตลาดมากถึง 3 หมื่นล้านบาท และมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 48% ของธุรกิจกาแฟ เบเกอรี่ และไอศกรีม ที่มีมูลค่าตลาดรวม 6.2 หมื่นล้านบาท ส่วนธุรกิจร้านไอศกรีมมีมูลค่าตลาด 1.5 หมื่นล้านบาท และธุรกิจร้านเบเกอรี่ มีมูลค่าตลาด 1.7 หมื่นล้านบาท

 CLMV ลูกค้าคนสำคัญ

สินค้าไทยได้รับการยอมรับทั้งด้านชื่อเสี่ยงและคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง ในสายตาของมิตรประเทศรอบบ้านของไทย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีพรมแดนติดต่อกับไทย ซึ่งเห็นได้จากการค้าชายแดนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ละวันการขนส่งสินค้าไทยออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีมูลค่ามหาศาล ยิ่งปัจจุบันหลายๆ ประเทศกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเมืองและความเจริญด้านต่างๆ ซึ่งล้วนแต่ต้องการสินค้าและบริการเข้าไปลงทุนในประเทศของตนจำนวนมาก

“กมล รัตนวิระกุล” นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย ได้ยกตัวอย่างของการขยายตัวดธุรกิจโรงแรมในเมียนมา ที่ถือเป็นปัจจัยผลักดันให้สินค้ากลุ่มโฮเรกาสามารถเข้าไปทำตลาดและสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล เนื่องจากสินค้าที่เมียนมาเคยซื้อจากประเทศจีนก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการได้ปรับเปลี่ยนหันมาซื้อจากสินค้าไทยมากกว่า เนื่องจากพึงพอใจในคุณภาพของสินค้าไทย ในเมียนมาที่มีโรงแรมเกิดขึ้นใหม่กว่า 7,000 ห้องที่ได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและเริ่มทยอยเปิดให้บริการ ซึ่งมีความต้องการซื้อสินค้าเพื่อนำไปใช้โรงแรมจำนวนมาก หรือแม้แต่สปป.ลาว ก็เป็นประเทศที่ซื้อสินค้าของไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะการดำเนินธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมเปิดใหม่จะต้องซื้อสินค้ามากกว่า 1,000 รายการและยังซื้อสินค้าต่อเนื่องทุกวัน

ไทยพร้อมศูนย์กลางธุรกิจโฮเรกา

จากปัจจัยด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงภูมิศาสตร์ ที่ประเทศไทยตั้งอยู่กลางภูมิภาคาอาเซียน ซึ่งมีจุดเด่นในด้านระบบการคมนาคมขนส่งทุกเส้นทาง คุณภาพการผลิตสินค้าอาหาร ไม่ว่าจะผลิตเพื่อขายให้คนในประเทศหรือส่งออกไปต่างประเทศ ล้วนแต่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้การยอมรับ ครัวไทยสู่ครัวโลก ก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยให้ความสำคัญ และผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจอาหารของไทยจึงไปสร้างชื่อในต่างแดนจำนวนมาก หรือแม้แต่ด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก แหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ในประเทศติดท็อประดับโลกที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ หรือจะเป็นเรื่องของธุรกิจการให้บริการก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ

ดังนั้น ประเทศไทยจึงถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนในธุรกิจโฮเรกา ทั้งในส่วนของการให้บริการโดยตรงถึงกลุ่มผู้บริโภค (B2C) หรือการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ที่จะเกิดการค้าขายสินค้าในธุรกิจโฮเรการะหว่างกัน หรือแม้แต่การเป็นเวทีการเจรจาการค้าระหว่างกันในรูปแบบ การจัดงานแสดงสินค้า ประเทศไทยก็ทำได้อย่างดีและมีให้เห็นหลายงานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิโอริก้า เอเชีย แต่ความสำเร็จของธุรกิจจะเกิดขึ้นได้ คงต้องเป็นการทำงานร่วมกันในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการมองไปในทิศทางเดียวกัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 23 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559