กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จัดพิธีถวายพุ่มดอกไม้และถวายราชสดุดี“พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย”

19 ต.ค. 2559 | 10:21 น.
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมพิธีถวายพุ่มดอกไม้และถวายราชสดุดีเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย”  เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ประจำปี 2559 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถนนพระราม 6 ราชเทวี กรุงเทพฯ

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้า นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยข้าราชการทุกหมู่เหล่า ตลอดจนพสกนิกรชาวไทยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานต่อพสกนิกรชาวไทยมายาวนาน ในรัชสมัยของพระองค์ นับเนื่องแต่เสด็จฯ เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ จวบจนสิ้นรัชกาล

พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่พรั่งพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระวรกาย ประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างต่อเนื่อง ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ บำบัดทุกข์  บำรุงสุขแก่ราษฎร สมดังพระปฐมบรมราชโองการ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ด้วยพระอัจฉริยภาพ ล้ำลึก เปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  โดยทรงค้นคว้าวิจัยและทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้พ้นจากความทุกข์ยาก มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถพึ่งตนเองได้  ทั้งนี้ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถตลอดจนพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระองค์ดังประจักษ์แก่ชาวโลก จากโครงการอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริต่างๆ  นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ชาวไทยทั้งมวล

ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถอย่างหาที่เปรียบมิได้  เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาโดยตลอด  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ เห็นชอบให้เทิดพระเกียรติ  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และกำหนดให้วันที่ ๑๙ ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันเทคโนโลยีของไทย” เพื่อระลึกถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๕ ที่ทรงอำนวยการสาธิตฝนหลวงสูตรใหม่ครั้งแรกของโลกด้วยพระองค์เอง ที่เขื่อนแก่งกระจาน  จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ในส่วนของพระราชกรณียกิจพระองค์ที่พระราชทานให้แก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า เป็นสิ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจะต้องสานต่อสำหรับโครงการในพระราชดำรินั้นมีกว่า4,000 โครงการมีประโยชน์ต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า อาทิ การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาการเกษตร การพัฒนาสาธารณสุข การใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายดาวเทียม การใช้เครื่องมือทางด้านวิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบสภาพน้ำตลอดจนการพัฒนาการเกษตรยุคใหม่ ระบบแก้มลิง กังหันน้ำชัยพัฒนา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพยายามพัฒนาประเทศ มีจิตสาธารณะและนำเอาแบบอย่างที่พระองค์ได้วางไว้ไปขยายผลต่อในวงกว้าง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย

ทั้งนี้ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ดำเนินการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่คือ “พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาศึกษาหาความรู้ รวมทั้งระบบนิเวศที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความยั่งยืน โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2561 จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้และใช้ประโยชน์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ทรงมีพระราชดำริให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถจับต้องได้และให้เยาวชนสามารถเรียนรู้ได้จริง

ในวโรกาสที่ “วันเทคโนโลยีของไทย” เวียนมาบรรจบครบรอบในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ นี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ขอเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย"  และขอน้อมถวายความจงรักภักดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  โดยจะตั้งปณิธานว่าจะดำรงตนให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติสืบไป  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม  ขอเดชะ”

ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  "ขอเชิญพสกนิกรชาวไทย น้อมเกล้าถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ด้วยจิตรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ที่เว็บไซต์กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี www.most.go.th" ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป