กรมควบคุมโรคเตือนประชาชนดูแลสุขภาพช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

19 ต.ค. 2559 | 07:59 น.
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนดูแลสุขภาพช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เน้น 6 โรคสำคัญช่วงฤดูหนาว ชี้หนาวที่แล้วมีผู้ป่วยรวมกว่า 5.2 แสนราย

วันนี้ (19 ตุลาคม 2559) นายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในหลายพื้นที่สภาพอากาศเริ่มเย็นลงและบางพื้นที่ยังมีฝนตกอยู่ ซึ่งอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงความชื้นและความหนาวเย็นจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น กรมควบคุมโรคจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคที่พบบ่อยในฤดูหนาว ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคสุกใส โรคมือ เท้า ปาก และโรคอุจจาระร่วง เฉพาะช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 - กุมภาพันธ์ 2559 มีรายงานผู้ป่วย 6 โรคฤดูหนาวรวม 526,291 ราย เสียชีวิต 141 ราย โดยโรคที่มีความรุนแรงมากที่สุดคือ โรคปอดบวม พบผู้ป่วย 78,628 ราย เสียชีวิต 133 ราย ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่พบผู้ป่วย 43,622 ราย เสียชีวิต 1 ราย โรคอุจจาระร่วงพบผู้ป่วย 374,403 ราย เสียชีวิต 7 ราย โรคสุกใสป่วย 38,343 ราย โรคมือ เท้า ปาก ป่วย 14,166 ราย และโรคหัดพบผู้ป่วย 313 ราย

กลุ่มเสี่ยงที่อาจป่วยได้ง่ายในช่วงนี้คือ เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เป็นต้น เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อง่ายและอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่มีความเสี่ยงป่วยง่ายไม่คลุกคลีใกล้ชิดและไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ไอ จาม เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขอให้เพิ่มการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ

สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ จะติดต่อได้ง่ายโดยการหายใจเอาเชื้อที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และแพร่กระจายได้กว้างขวางในที่ๆคนอยู่แออัด  หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องพักผ่อนให้มากๆ หยุดเรียน หยุดทำงาน สวมหน้ากากอนามัย หากไข้ไม่ลดลงภายใน 2 วัน เสี่ยงมีอาการแทรกซ้อนให้รีบไปพบแพทย์ ในกลุ่มเด็กเล็กหากมีอาการไข้สูง หายใจหอบ เด็กเล็กจะซึม ไม่ดูดน้ำ ไม่ดูดนม  หายใจเสียงดัง บางรายหายใจหอบจนชายโครงบุ๋ม

โรคหัด เป็นไข้ออกผื่น ที่มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว พบได้ทุกวัย แต่ที่พบบ่อยคือในเด็กเล็ก และสามารถติดต่อกันได้ง่าย โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด อาการของโรคหัด เริ่มด้วยมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะ และกลัวแสง อาการต่างๆจะมากขึ้นพร้อมกับไข้สูงขึ้น การป้องกันโรคหัด ทำได้โดยการแยกผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคหัด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย และฉีดวัคซีนป้องกัน

นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาวมักพบเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง ซึ่งโรคนี้ติดต่อโดยการดื่มน้ำและกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน อาการจะเริ่มด้วยไข้หวัดก่อนแล้วมีอาการถ่ายเหลว โดยทั่วไปอาการจะไม่รุนแรงแต่อาจทำให้การเจริญเติบโตของเด็กหยุดชะงักไประยะหนึ่ง ด้านโรคมือ เท้า ปาก ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก การติดต่อเกิดจากการได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนในจากอุจจาระ หรือฝอยละออง น้ำมูกน้ำลาย น้ำในตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วยเข้าสู่ปาก

“ การป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆในฤดูหนาว สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ดื่มน้ำสะอาด กินอาหารปรุงสุกใหม่ไม่มีแมลงวันตอม ใช้ช้อนกลางทุกครั้งเมื่อกินอาหารร่วมกับผู้อื่น และหมั่นล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงกินอาหารที่มีประโยชน์และเพิ่มผัก ผลไม้สดจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ และต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ไม่หักโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำเนื่องจากจะทำให้เกิดความอ่อนเพลีย ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนแออัด นอกจากนี้ควรสวมเสื้อผ้าหนาๆหรือสวมเสื้อหลายๆชั้น เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น ที่สำคัญหากป่วยแล้วอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์ หากประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 ” นายแพทย์เจษฎา กล่าว