ก.ล.ต.เดินหน้าแก้กฎเกณฑ์รับฟินเทค

19 ต.ค. 2559 | 07:33 น.
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เรื่องของเทคโนโลยีฟินเทค(Fintech)จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดเงิน และตลาดทุน รวมถึงทางด้านของสังคม โดย ก.ล.ต.ในฐานะจองผู้มีหน้าที่กำกับดูแล ก็จะเข้าไปดูในส่วนของการออกใบอนุญาตว่าปัจจุบันอาจมีความล่าช้าหรือไม่ อีกทั้งยังจะต้องดำเนินการในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่จะเข้ามาสู่ตลาดทุน เกี่ยวกับเทคโนโลยฟินเทคในส่วนของทางด้านเสถียรภาพ และความปลอดภัย

“ในเรื่องของกฎเกณฑ์ ก.ล.ต. ก็ได้มีการดำเนินการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา โดยกฎเกณฑ์ใดที่มีความล้าสมัย หรือเป็นอุปสรรคก็จะดำเนินการแก้ไข เพื่อให้ฟินเทคสามารถเกิดขึ้นได้”

ทั้งนี้ มองว่าเทคโนโลยีฟินเทคจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในโลกในเรื่องของความปลอดภัย เพราะปัจจุบันตลาดทุนก็ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการซื้อขาย รวมถึงการรักษาหลักทรัพย์หมดแล้ว โดยประเด็นดังกล่าวนี้จะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าฟินเทคจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น เพราะเวลามีการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีพร้อมเพย์ หรือการโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคารเหมือนแต่ก่อน

นายรพี ยังได้กล่าวต่อไปอีกถึงกรณีการสร้างสถานการณ์เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นกระบวนการของการตรวจสอบ ยังไม่สามารถเปิดเปยรายละเอียดอะไรได้มากนัก ขณะที่ความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์ฉบับใหม่นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอลงพระปรมาภิไทย ซึ่งถือเป็นกระบวนการสุดท้ายก่อนการะประกาศบังคับใช้ โดยเวลานี้ ก.ล.ต. ก็เร่งทำคามเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอยู่

นางจารุวรรณ อินทรรุ่ง ฝ่ายพัฒนาและนโยบายฝ่ายธุรกิจตัวกลาง ก.ล.ต. กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) มาอย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาก็ยังไม่พบประเด็นที่ผิดปกติแต่อย่างใด แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ปริมาณการซื้อขาย หรือวอลุ่มของโบรกเกอร์จะมีการเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นตามภาวะของตลาด แต่สัดส่วนที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ยังคงเท่าเดิม ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็น ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่พบว่ามีการซื้อขายที่ผิดปกติแต่อย่างใด