รัฐบาลขอพีอาร์ “โคแสนล้าน” ก่อนชงครม.จัดสินเชื่อหนุน 5,000 ล้าน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้ขอให้เลื่อนการพิจารณา โครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ออกไปก่อน 

โดยขอให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลของโครงการ “โคแสนล้าน” ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจโดยทั่วไปได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงโดยด่วน ก่อนเสนอมายังครม. อีกครั้ง เพื่อพิจารณาเห็นชอบกรอบวงเงินสินเชื่อ จากสถาบันการเงินที่กำหนด วงเงิน 5,000 ล้านบาทต่อไป

สำหรับโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง กำหนดแนวทางการดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินสินเชื่อของสถาบันการเงินที่กำหนด มีกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อให้สินเชื่อแก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สำหรับให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงโค 100,000 ครัวเรือน ๆ ละ 50,000 บาท 

โดยจะได้รับคำแนะนำการเลี้ยงโคจากกรมปศุสัตว์ และรัฐขดเชยดอกเบี้ยให้กับสถาบันการเงินที่กำหนดตามต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจริง อัตรา 4% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี จำนวน 400 ล้านบาท หรือปีละ 200 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดหาตลาดรองรับ เพื่อต่อยอดและขยายผลในการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ในด้านการผลิต การแปรรูป และการจัดจำหน่าย กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความเข้มแข็ง 

ทั้งนี้ประเมินว่าโครงการโคแสนล้าน จะสามารถสร้างรายได้ต่อครัวเรือนอย่างน้อย 240,000 บาท ต่อครัวเรือน จากต้นทุน 50,000 บาท หรือ 4.8 เท่า ในระยะเวลา 5 ปี (โค 2 ตัว เฉลี่ยราคาโคตัวละ 25,000 บาท สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 120,000 บาทต่อตัว) รวมทั้งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการพัฒนาด้านการเกษตรและปศุสัตว์ให้มีการลงทุนไปทั่วโลก 

ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการ “โคแสนล้าน” คือ ช่วยทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรและเกิดความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พัฒนาด้านการตลาดในประเทศและการส่งออกไปตลาดในภูมิภาคและตลาดโลก 

รวมถึงสร้างความเข้มแข็งและการยกระดับการผลิตของเกษตรกรรายย่อย และเอกชน ให้สามารถเลี้ยงโคเนื้อเชิงอุตสาหกรรมตอบสนองต่อการบริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้เพิ่มความสามารถ ลดความยากจนของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้อย่างน้อยปีละ 120,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี ต่อแม่โค 1 ตัว