รู้ไหม? ธุรกิจสีเทา ทำเงินสะพัด 8 ล้านล้าน 40% ของ GDP ไทย

09 มี.ค. 2567 | 02:11 น.

ม. หอการค้าไทยเผย งานวิจัยสภาพัฒน์คาดธุรกิจนอกระบบมีสัดส่วน 40% ของ GDP ไทย มูลค่ารวม 8 ล้านล้านบาท ดัชนีความเชื่อมั่นฯ การแก้ไขปัญหายาเสพติดต่ำ ด้านกรมพัฒนาฯจับมือ DSI ลุยตรวจสอบธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า สำหรับธุรกิจนอกระบบหรือธุรกิจสีเทา งานวิจัยที่ผ่านมาทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)

พบว่า ธุรกิจนอกระบบคือธุรกิจที่ไม่ได้ถูกบันทึกในบัญชีในประเทศไทย จะมีประมาณ 40% ของ GDP ไทย ซึ่งไทยมี GPD ไทย มูลค่ารวม 19-20 ล้านล้านบาท ธุรกิจนอกระบบจะมีมูลค่ารวม 8 ล้านล้านบาท

โดยธุรกิจนอกระบบจะแบ่งออกเป็น ธุรกิจผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนันออนไลน์และการค้าของเถื่อน ซึ่งเคยมีการวิจัยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ออกมาบอกว่า ในสัดส่วนของ GDP ไทย มีสัดส่วนธุรกิจการพนันอยู่ที่ประมาณ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าของเถื่อน ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท รวมถึงธุรกิจการค้าประเวณี ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางม.หอการค้าไทยจะไม่เห็นตัวเลขสถิติที่แน่ชัดเนื่องจากการเก็บสถิติเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่ธุรกิจเหล่านี้จะปรากฏชัดเมื่อเทียบเคียงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจพนันออนไลน์เติบโตอย่างมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีการจดโดเมนต่างประเทศ เราเห็นหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจจับ ธุรกิจการพนันแบบผิดกฎหมายเกิดขึ้นเยอะ และคาดว่าจะเติบโตสูงด้วยเลข 2 หลัก

ขณะเดียวกัน ม.หอการค้าไทยได้มีการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่คนยังเชื่อมั่นต่ำมากในกรณีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา แสดงให้เห็นว่า ปัญหายาเสพติดยังแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแนวนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเสรี จึงทำให้สถานการณ์ยาเสพติดเจือเข้าไปด้วยกัน บางทีการเข้าไปหายาเสพติดมันจึงแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ทางหน่วยงานของมหาวิทยาลัยก็มีการเฝ้าระวัง เกี่ยวกับยาเสพติดมากขึ้น

ทั้งนี้ ในด้านของทุนจีนสีเทา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงเร่งติดตามและกับจับตรวจสอบ แต่ที่สังเกตจากข่าวมันจะมีมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทางการไทยกับทางการจีนก็กำลังร่วมมือหาทาแก้ไขเรื่องนี้อยู่

ด้านนางอรมน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า  กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับเป้าหมายการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในปี 2567 อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น  ภูเก็ต  กรุงเทพ เชียงใหม่  สุราษฎร์ธานี  และชลบุรี  เป็นต้น ซึ่งจะมีการตรวจสอบเชิงลึกในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว  ภัตตาคาร นำเที่ยว  ให้เช่ารถ  โรงแรม  รีสอร์ท  อสังหาริมทรัพย์ 

ตอนนี้ได้คัดกรองจำนวนธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี ออกมาได้ประมาณ 419 ราย และในจำนวนนี้  313 ราย  ได้ขอให้มีการส่งเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมในการตรวจสอบ  ส่วนในพื้นที่ภูเก็ตมีจำนวน 59 ราย  ที่จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ในการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี

อย่างไรก็ดี  การลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในปี 2567 กรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะลงพื้นที่ในการตรวจสอบธุรกิจที่กระทำผิด โดยที่จะเข้าตรวจสอบเชิงลึก เช่น โครงสร้างการถือหุ้น  ,ประเภทธุรกิจ  ที่มาเงินลงทุน ทั้งนี้  หากพบว่ากระทบ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542   Foreign Business Act มาตรา 36 มีโทษจำคุกไม่เกิน  3 ปี  ,ปรับ 300,000 บาท  ถึง 1 ล้านบาท  และหากยังฝ่าฝืนต่อมีโทษปรับวันละ 10,000-50,000 บาทด้วย