พาณิชย์เล็ง2ทำเลย่านปทุม หมายตา‘ตลาดไท-ไทยเบฟ’ผุดตลาดกลางข้าวสารตลาดไท-ที่กลุ่มไทยเบฟฯ/เป้าซื้อขาย50ล้าน/เดือน

08 มี.ค. 2560 | 06:00 น.
พาณิชย์เดินหน้าเร่งพัฒนาตลาดกลางข้าวสาร“สนธิรัตน์” สั่งกรมการค้าภายใน เร่งหาพื้นที่ตั้ง ลงในเผยเบื้องต้นเล็งไว้ 2 แห่งที่ตลาดไทและที่ของไทยเบฟเป้าซื้อขาย 50 ล้านบาท/เดือน พร้อมช่วยผลักดันส่งออกข้าวได้เพิ่ม 1% หรือ 9.5 หมื่นตัน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้าการทำโครงการตลาดกลางข้าวสารสู่มาตรฐานสากลของกระทรวงพาณิชย์ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างให้กรมการค้าภายใน(คน.)เลือกสถานที่ เบื้องต้นเสนอมาที่จังหวัดปทุมธานีบริเวณตลาดไท ซึ่งคงต้องรอให้กรมการค้าภายในสรุปสถานที่มีความเหมาะสมอย่าชัดเจนมาก่อนว่าจะดำเนินการบริเวณใด ส่วนงบประมาณที่กระทรวงคาดจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาอนุมัติใช้ดำเนินการในครั้งนี้คงหลักร้อยล้านบาท

ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดกลางข้าวสาร เนื่องจากเล็งเห็นว่าที่ผ่านมาการขายข้าวของชาวนาประสบปัญหาราคาตกต่ำ ไม่มีทางเลือกในการขายข้าวเพราะไม่มีอำนาจต่อรองและยังขาดสถานที่ขายข้าวทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้

ดังนั้นเพื่อดำเนินตามนโยบายของนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เคยไปเยือนจีนแล้วพบว่าจีนมีตลาดกลางข้าวสารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ในขณะที่ไทยเองเป็นถึงผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก แต่กลับไม่มีตลาดกลางข้าวสารซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางในการจำหน่ายข้าวที่มีคุณภาพและโปร่งใส กระทรวงพาณิชย์จึงมีแผนที่จะทำตลาดกลางค้าข้าวสารเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบปะซื้อขายสินค้าโดยเปรียบเทียบราคา รวมถึงเกษตรกรสามารถนำข้าวมาขายได้เองที่ตลาดกลาง เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยยกระดับเกษตรกรไทย

สำหรับสิ่งที่เกษตรกรจะได้รับจากการมีตลาดกลางข้าวสารคือ จะมีฐานข้อมูลของราคาข้าวสารที่ใช้อ้างอิงได้ชัดเจนซึ่งเป็นที่ยอมรับ โดยตั้งเป้าจะมีมูลค่าการซื้อขายผ่านตลาดกลางข้าวสารแห่งนี้เฉลี่ยที่ 6,250-7,500 ตันต่อเดือน หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อเดือน โดยราคาข้าวสารที่ซื้อขายในตลาดกลางคาดจะได้ราคาสูงกว่าตลาดทั่วไปไม่ต่ำกว่า5% ที่สำคัญส่วนหนึ่งจะช่วยให้เกิดการซื้อขายข้าวเพื่อส่งออกโดยมีสัดส่วนประมาณ 1% ของการส่งออกในภาพรวม หรือประมาณ 9.5 หมื่นตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 1,490 ล้านบาทต่อปี

"จากการหารือกับผู้ส่งออก โรงสี และชาวนาเองเห็นด้วยและสนับสนุนให้มีการพัฒนาตลาดกลางข้าวสาร ซึ่งจะช่วยให้สามารถกระจายผลผลิตของเกษตรกรได้ จะเป็นผลดีต่อตัวเกษตรกรด้วย โครงการนี้จะต้องแล้วเสร็จเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณนี้"

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าพื้นที่ที่จะทำตลาดกลางค้าข้าวเดิมมองไว้ 2ที่คือ ที่บริเวณตลาดไท กับพื้นที่ของบริษัทไทยเบฟฯ ซึ่งทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในพื้นที่จ.ปทุมธานี ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกทำเลใด

อย่างไรก็ดี นอกจากการพัฒนาตลาดกลางข้าวสารแล้วกระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนพัฒนา ตลาดกลางประชารัฐใน 3 ลักษณะคือ ตลาดกลางทั่วไป ตลาดกลางสินค้าเฉพาะอย่าง และตลาดกลางชุมชน ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยได้เร่งให้คณะทำงานจัดทำกลุ่มของพื้นที่ตลาดที่ทางพาณิชย์จังหวัดเสนอ ก่อนที่จะคัดเลือกตลาดที่มีศักยภาพออกมา โดยทำการศึกษาศักยภาพแบบเชิงลึก เน้นหลักไปที่การพัฒนาตลาดเพื่อต่อยอดกับกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อใช้ตลาดกลางประชารัฐเหล่านี้เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน นโยบายทั้งหมดนี้จะต้องถูกเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมภายใน 3-6 เดือน ส่วนงบประมาณเตรียมจัดสรรขอใช้งบพิเศษซึ่งได้เสนอขอไปแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท

"เรื่องนี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปทำการศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนาตลาดเฉพาะที่จะเน้นเอกลักษณ์เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของแต่ละภาค เช่น ตลาดทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก หรือตลาดซีฟู้ดในพื้นที่ภาคใต้เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป เป็นต้น ตลาดประชารัฐนี้จะได้เห็นในไตรมาส1หรือ 2นี้แน่นอน"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,241 วันที่ 5 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2560