บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ โชว์แบ็กล็อกในมือร่วม 1,000 ล้านบาท จ่ายปันผลเพิ่ม 0.07 บาท/หุ้น

27 ก.พ. 2560 | 04:50 น.
บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ เผยผลประกอบการปี 2559 รายได้รวมใกล้เคียงปีก่อน  โชว์แบ็กล็อกรอรับรู้รายได้ร่วม 1,000 ล้านบาท  แนวโน้มปี 60 มีลุ้นงานโครงการโมดูล

นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2559 ว่า  ผลประกอบการปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ 1,897.07 ล้านบาท ลดลง 52.03 ล้านบาท คิดเป็น 2.67 %  จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 โดยรายได้รวมปีนี้ไม่มีรายได้จากงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ( Modularization ) แต่มีรายได้จากงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก ( Parts Fabrication ) 1,317.15 ล้านบาท และ งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร ( Power Plant EPC Contractor ) 464.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานรับเหมาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ และเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2559 กลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 107.53 ล้านบาท ลดลง 567.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 5.67 % ของรายได้รวม

“นับแต่บริษัทฯนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯให้ความสำคัญในการดูแลผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ในอัตราร้อยละ 0.27 บาทต่อหุ้น รวมเงินทั้งสิ้น 204.12  ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.84% จากราคาปิดของวันก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD  นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึง 31 มีนาคม 2560 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท รวมเงินทั้งสิ้น 52.92 ล้านบาท อีกด้วย”

นายโชติก ยังกล่าวอีกว่า  ใน ปี 2560 นี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 1. งานผลิตโครงสร้างเหล็ก ( Part Fabrication) ให้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ประกอบไปด้วย พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงาน BIOGAS  3. งานโมดูล ( Module ) ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากราคาสินแร่ต่างๆ และราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว

“การที่เบสท์เทค ซึ่งเป็นบริษัทแกนของ BTW มีความสามารถในการรับงานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการโครงสร้างเหล็กขนาดเล็กไปจนถึงงานโมดูล (Module) ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีกลยุทธ์การเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งบริษัทมีศักยภาพทั้งในด้านบุคคลากรและเครื่องจักรอันทันสมัย ประกอบกับการมีโรงงานอยู่ติดท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ อันถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าเลือกเราเป็นอันดับต้นๆ และในปี 2560 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีกอย่างน้อย 10 % และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องตามสภาวะสินค้าโภคภัณฑ์รวมไปถึงการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากแบ็กล็อกในมือของบริษัทฯมูลค่า 945 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งโตขึ้นกว่า 24% จากสิ้นปี 2558”นายโชติก กล่าวทิ้งท้าย